20 สถิติที่น่าสนใจหลังจาก คล็อปป์ อยู่กับ ลิเวอร์พูล มาแล้ว 1 ปี !!

      วันนี้เป็นวันครบรอบ 1 ปีของ เจอร์เก้น คล็อปป์ หลังจากที่เข้ามารับตำแหน่งเป็นผู้จัดการทีมให้กับ ลิเวอร์พูล โดยวันที่ 8 ตุลาคม เมื่อปีที่แล้วผู้จัดการทีมชาว เยอรมัน ได้ตกลงสบัดน้ำหมึกเข้ารับตำแหน่งผู้จัดการทีมของ "หงส์แดง" หลังจากที่สโมสรได้ทำการปลด เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ออกจากตำแหน่ง

      และเรามาดูกันว่าตลอดเวลา 12 เดือนของ คล็อปป์ กับ ลิเวอร์พูล เขาได้ทำสถิติอะไรไว้บ้าง

1. เอ็มเร่ ชาน เป็นคนแรกที่ยิงประตูได้หลังจากที่ คล็อปป์ เข้ารับตำแหน่ง ซึ่งเป็นเกมส์ที่พบกับ รูบิน คาซาน ใน ยูโรป้าลีก

2. แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ เป็นคนที่ยิงประตูได้เร็วที่สุด โดยใช้เวลาเพียง 76 วินาทีในเกมส์ที่พบกับ นิวคาสเซิล เมื่อเดือน เมษายน ที่ผ่านมา

3. ซิมง มิโญเล่ต์ และ นาธาเนียล ไคลน์ เป็นสองผู้เล่นที่ลงสนามมากที่สุด

4. คล็อปป์ สามารถพาทีมชนะได้ถึง 49.18%

5. และสามารถยิงประตูได้เฉลี่ยทุกๆ 49 นาที

6. ชัยชนะครั้งที่ 30 มาจากการเอาชนะ บอร์นมัธ ได้ในเกมส์ ลีกคัพ

7. คล็อปป์ พาทีมลงแข่งบอลถ้วยมาแล้ว 24 แมตช์ (13 ยูโรป้า, 7 ลีกคัพ, 4 เอฟเอคัพ)

8. มีผู้เล่นถึง 23 คนที่สามารถยิงประตูได้

9. ผู้เล่นที่อายุน้อยที่สุดในการลงสนามเป็น 11 ตัวจริงมีอายุ 22 ปีกับอีก 319 วัน

10. ลิเวอร์พุล สามารถเก็บได้ถึง 20 คลีนชีตหลังจากที่ คล็อปป์ เข้ามารับตำแหน่ง

11. ตัวสำรองสามารถลงสนามไปยิงประตูได้ถึง 19 ลูก และคนที่ยิงมากที่สุดก็คือ เบนเตเก้ โดยยิงไป 6 ประตู

12. มีผู้เล่นที่ได้ประเดิมสนามถึง 16 คน

13. ลิเวอร์พูล สามารถยิงประตูได้ถึง 4 ลูกหรือมากกว่านั้นถึง 11 แมตช์

14. คูตินโญ่ และ เฟอร์มิโน่ สามารถยิงประตูได้ 15 ลูกเท่ากัน

15. ลิเวอร์พูล ได้จุดโทษถึง 9 ครั้งและก็เป็นประตูทั้งหมด

16. ลิเวอร์พูล สามารถกลับมาชนะได้หลังจากโดนยิงนำไปก่อนถึง 8 เกมส์ และ 6 เกมส์ในนั้นเป็นการเล่นนอกบ้าน

17. การชนะที่มากที่สุดของ คล็อปป์ ก็คือเกมส์ที่พบกับ แอสตัน วิลล่า โดยสามารถชนะไปได้ถึง 6-0

18. ผู้เล่นทุกคนสามารถยิงได้ถึง 113 ประตูหลังจากที่ คล็อปป์ เข้ามาคุมทีม

19. คล็อปป์ พาทีมลงแข่งไปแล้ว 61 แมตช์ในทุกรายการ

20. มีผู้เล่นถึง 9 คนที่เคยผ่านการสวมปลอกแขนกัปตันทีม (เจมส์ มิลเนอร์, โคโล่ ตูเร่, ลูคัส เลว่า, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, คริสติย็อง เบนเตเก้, โจ อัลเลน, โฆเซ่ เอ็นริเก้, จอห์น ฟลานาแกน, มาร์ติน สเคอร์เทล)