หน้าแรก / ข่าวลิเวอร์พูล / คะแนนหลังเกม พรีเมียร์ลีก อาร์เซน่อล 3-4 ลิเวอร์พูล

คะแนนหลังเกม พรีเมียร์ลีก อาร์เซน่อล 3-4 ลิเวอร์พูล

คะแนนหลังเกม พรีเมียร์ลีก อาร์เซน่อล 3-4 ลิเวอร์พูล

          จบลงไปแล้วอย่างชื่นมื่นสำหรับนัดเปิดฤดูกาล 2016/17 หลังบุกเอาชนะ อาร์เซน่อล 4-3 จากสองประตูของ ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ และประตูเนียนๆ ของ อดัม ลัลลานา กับ ซาดิโอ มาเน่ บอกเลยว่าใครพลาดเกมนี้เสียดายแย่ วันนี้เราจะไปดูผลสอบของแข้ง "หงส์แดง" ในแมตช์นี้กันว่าเป็นอย่างไรกันบ้าง ไปกันเลยยยยยย....

ตัวจริง

ซิมง มิโญเล่ต์ - 6/10

LONDON, ENGLAND - Sunday, August 14, 2016: Liverpool's goalkeeper Simon Mignolet saves a penalty from Arsenal's Theo Walcott during the FA Premier League match at the Emirates Stadium. (Pic by David Rawcliffe/Propaganda)

          แม้ว่าเกมนี้จะเสียถึง 3 ประตู แต่สำหรับนายทวารเบลเยียมรายนี้ แทบจะหมดสิทธิ์เซฟเลยก็ว่าได้ เพราะต้องยกเครดิตให้กับคนยิงและแนวรับที่ยังมีปีญหาอยู่ อย่างไรก็ผลงานชิ้นโบว์แดงของ มิโญเล่ต์ ก็คือการบินเซฟลูกโทษของ ธีโอ วัลค็อตต์ ได้แบบชิวๆ เอาใจแฟนบอลไปเลยลูกนี้

นาธาเนี่ยล ไคลน์ - 6/10

          นับเป็นเกมที่ค่อนข้างโดดเด่นสำหรับแบ็คขวาผิวสีรายนี้ เพราะนอกจากเกมรับที่ทำได้ไม่เลวแล้ว ยังมีบทบาทกับเกมรุกค่อนข้างเยอะ จริงอยู่ที่เขามีส่วนกับประตูที่เสีย แต่ก็เป็นการตัดฟาวล์จนนำไปสู่ฟรีคิกของ อาร์เซน่อล

เดยัน ลอฟเรน - 5/10

          ออกสตาร์ทเกมด้วยฟอร์มที่ค่อนข้างน่าเป็นห่วง เพราะนอกจากจะเอา อเล็กซิส ซานเชซ ไม่ค่อยอยู่แล้ว ยังเสียใบเหลืองตั้งแต่ช่วงปลายครึ่งแรก ทำให้เจ้าตัวต้องเล่นระวังมากกว่าเดิม แต่หลังจากกลับมาเล่นในครึ่งหลังก็สามารถยกระดับตัวเอง จัดการกับเกมรุกของ "ไอ้ปืนใหญ่" ได้เป็นอย่างดี คะแนนครึ่งแรกหักลบครึ่งหลังเหลือแค่ 5 พอดี

แร็กน่าร์ คลาวาน - 7/10

LONDON, ENGLAND - Sunday, August 14, 2016: Liverpool's Philippe Coutinho Correia and Ragnar Klavan in action against Arsenal's Aaron Ramsey during the FA Premier League match at the Emirates Stadium. (Pic by David Rawcliffe/Propaganda)

          สำหรับปราการหลังตัวใหม่ชาวเอสโตเนีย ถือว่าสอบผ่านในทุกกรณี ไม่ว่าจะเป็นฟอร์มการเล่นที่สม่ำเสมอตลอด 90 นาทีและความสุดยอดในเกมรับที่เรียกได้ว่าดีที่สุดในแผงแบ็คโฟร์ แต่สิ่งเดียวที่เขาต้องปรับสักหน่อยก็คือประสบการณ์และสปีดเกมที่ยังน้อยไปนิด เชื่อว่าขอเวลาอีก 2-3 เกม น่าจะอยู่ตัวมากขึ้นกว่านี้

อัลเบร์โต้ โมเรโน่ - 4/10

          แบ็คซ้ายบ่อน้ำมันเจ้าของที่มาแห่งการเสียจุดโทษสุดเฟอะฟะ และความหวาดเสียวที่แฟนบอลต้องพบเจอตลอด 90 นาที นับเป็นหนึ่งในผู้เล่นวาสนาดีที่โค้ชมีให้ แต่ผลงานในสนามสุดจะทนจริงๆ เชื่อว่าในอนาคตอันใกล้นี้อาจจะไม่มีที่ยืนในสโมสรอย่างแน่นอน ถึงขนาดที่ผู้วิจารณ์ต่างประเทศยังร้อง "ยี้"

จอร์แดน เฮนเดอร์สัน - 6/10

          การรับบทบาทใหม่อยู่หน้าแผงหลังของ "กัปตันเฮนโด้" ซึ่งคล้ายกับที่ สตีเว่น เจอร์ราร์ด เคยเล่น ถือว่าทำได้ไม่เลว แม้ว่าจะมีหลายจังหวะที่อาจจะเงียบหายไปจากเกมบ้าง แต่เรื่องเกมรับและการคุมเกม เล่นได้เนียนไม่ค่อยมีผิดพลาด

จอร์จินิโอ ไวย์นัลดุม - 7/10

          การลงสนามประเดิมสีเสื้อใหม่ของเขากับ ลิเวอร์พูล นับว่าสอบผ่าน เพราะเขามีส่วนกับหนึ่งประตูในเกมนี้และยังประสานงานกับเพื่อนร่วมทีมได้อย่างลงตัว ส่วนหนึ่งที่เขาได้เปรียบกว่าแข้งใหม่รายอื่นที่เข้ามา ก็คือการไม่ต้องปรับตัวใดๆ กับ พรีเมียร์ลีก นั่นเอง เชื่อว่าไม่นานเกินรอ เขาจะเริ่มโชว์ของเหมือนตอนที่อยู่กับ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด อย่างแน่นอน

อดัม ลัลลาน่า - 7/10

          แม้ว่าเขาจะถูกมองว่าเป็นพวกลีลาเยี่ยมแต่ไร้ประสิทธิภาพ แต่เกมนี้แสดงให้เห็นแล้วว่าการกระทำของเขามันก็มีประโยชน์กับทีมไม่น้อย โดยเฉพาะลูกยิงแซงนำ 2-1 สุดคลาสสิกชนิดที่ ปีเตอร์ เช็ก คาดไม่ถึงว่าจะมาไม้นี้

ซาดิโอ มาเน่ - 9/10

LONDON, ENGLAND - Sunday, August 14, 2016: Liverpool's Sadio Mane in action during the FA Premier League match against Arsenal at the Emirates Stadium. (Pic by David Rawcliffe/Propaganda)

          เกมนี้เขาน่าจะได้รางวัล "แมน อ็อฟ เดอะ แมตช์" ด้วยซ้ำ เพราะเขาสามารถป่วนเกมรับเจ้าบ้านได้แบบไม่หยุดหย่อน แถมยังเชื่อมเกมกับเพื่อนได้แบบไร้ปัญหา นับเป็นผู้เล่นผิวสีที่มีทั้งความเร็วและสมอง ซึ่งประตูที่เขายิงได้นั้นมาจากความสามารถเฉพาะตัวล้วนๆ กระชากลากเลื้อยเข้าไปยิงอย่างสุดโหด

ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ - 9/10

LONDON, ENGLAND - Sunday, August 14, 2016: Liverpool's Philippe Coutinho Correia scores the first equalising goal against Arsenal during the FA Premier League match at the Emirates Stadium. (Pic by David Rawcliffe/Propaganda)

          เจ้าของรางวัล "แมน อ็อฟ เดอะ แมตช์" ตัวจริงในเกมนี้ เพราะเขาเป็นดั่งแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์พาทีมกลับมาได้ก่อนหมดครึ่งแรก ด้วยฟรีคิกระดับโลกชนิดที่ เช็ก สามคนก็รับไม่ได้ (อันนี้ขออวยเพราะมันงามจริงๆ 555+) นอกจากนี้ยังมีส่วนร่วมกับเกมรุกของทีมแทบทุกจังหวะเข้าทำ จึงไม่แปลกใจที่ทำให้ อาร์เซน เวนเกอร์ ถึงกลัวนักกลัวหนา

โรแบร์โต้ เฟียร์มิโน่ - 6/10

          หัวหอกจำเป็นชาวบราซิเลี่ยนทำตามบทบาทที่ตัวเองได้รับมอบหมายได้เป็นอย่างดี แม้ว่าจะไม่มีสกอร์และผลงานให้ประทับใจมากนัก แต่ในมุมตัวเก็บบอลแดนหน้าและการเป็นศูนย์หน้าตัวหลอก ทำให้ทีมได้ประโยชน์จากเขาพอสมควร

ตัวสำรอง

เอ็มเร่ ชาน - 6/10 (ลงสนามมาแทน ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ ในนาทีที่ 69)

          จอมทัพเมืองเบียร์ผู้นี้ได้รับบาทลงเล่นเป็นตัวโฮลด์บอลแทนที่ของ เฮนเดอร์สัน และทำให้กัปตันคนเก่งถูกขยับไปเล่นกว่าตอนแรก แม้ว่าเวลาที่ได้ลงสนามจะมีไม่มากแค่ 20 นาที แต่ก็ไม่มีข้อผิดพลาดให้เห็นมากนักและสามารถคุมเกมแดนกลางได้ไม่เลว

ดิว็อค โอริกี้ - 6/10 (ลงสนามมาแทน อดัม ลัลลานา ในนาทีที่ 75)

          โอริกี้ ลงสนามมายืนเป็นหน้าเป้าแทน โรแบร์โต้ เฟียร์มิโน่ ที่ถอยไปเล่นมิดฟิลด์ตัวรุก ซึ่งทำให้เกมยังคงไหลลื่นเหมือนเดิม แต่น่าเสียดายที่บอลไปไม่ค่อยถึงเขา และต้องลงมาล้วงบอลเองอยู่บ่อยครั้ง จึงทำให้เขาไม่ได้งัดฝีเท้าที่แท้จริงออกมาโชว์เท่าไรนัก

เควิน สจ๊วร์ต - ไม่มีคะแนน (ลงสนามมาแทน จอร์จินิโอ ไวย์นัลดุม ในนาทีที่ 88)

          นับเป็นแทคติกที่ดีของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ที่ส่งเจ้าหนู สจ๊วร์ต ลงมาเล่นมิดฟิลด์ตัวรับร่วมกับ ชาน ถึงแม้ว่าเวลาที่ได้ลงเล่นอาจจะน้อยจนประเมินคะแนนไม่ได้ แต่ก็ลงมาทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายได้ไม่ผิดพลาด

ADS