พรีวิว พรีเมียร์ ลีก ลิเวอร์พูล -vs- เชลซี (02.00 น.)

วันพฤหัสที่ 12 พฤษภาคม 2016 เวลา 02.05 น.

สนาม แอนฟิลด์

ผู้ตัดสิน ไมเคิล โอลิเวอร์

ถ่ายทอดสด CTH สเตเดี้ยม 2

สภาพทีมล่าสุด : ลิเวอร์พูล

     เจอร์เก้น คล็อปป์ จะยังคงโรเตชั่นในแต่ละตำแหน่งของทีมต่อไป เหมือนที่ทำมาตลอดระยะหลัง เพื่อรักษาความฟิตสมบูรณ์ของผู้เล่นก่อนถึงนัดชิงชนะเลิศ ยูโรป้า ลีก สัปดาห์หน้า คาดว่า คริสติย็อง เบนเตเก้ จะได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงอีกครั้งดังนัดที่แล้วกับ วัตฟอร์ด ขณะที่ แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ จะยังคงรับบทซูเปอร์ซับต่อไป ส่วน ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ ที่เล่นเมื่อวันอาทิตย์ คาดว่าจะถูกพักในเกมนี้ แต่ด้าน โจ อัลเลน จะยังได้รับโอกาสคุมแดนกลางพิสูจน์ตัวเองต่อไป นอกนั้น ดิว็อค โอริกี, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, แดนนี่ อิงส์ และ โจ โกเมซ ยังต้องเรียกฟิตกันต่อไป เช่นเดียวกับ มามาดู ซาโก้ ที่ถูกแบนในเวลานี้

สภาพทีมล่าสุด : เชลซี

     ทางด้าน เชลซี จะไร้ จอห์น เทอร์รี่ กองหลังกัปตันทีมจอมเก๋าที่ติดโทษแบน และน่าจะเป็นดาวรุ่งอย่าง แม็ตต์ เมียซก้า ที่รับหน้าที่คุมเกมรับแทน หลังคาดกันว่า กุส ฮิดดิ้งค์ เลือกจะให้โอกาสนักเตะเยาวชนได้สัมผัสเกมลีก 2 นัดสุดท้าย ส่วนที่ยังต้องเช็กความฟิตได้แก่ เคิร์ท วูม่า, โลอิก เรมี่ และ เปโดร โรดริเกวซ ขณะที่ ออสการ์, เคเนดี้ และ รูเบน ลอฟตัส-ชีค มีลุ้นได้ยืนตัวจริงทั้งหมด เช่นเดียวกับ ดีเอโก้ คอสต้า ดาวยิงตัวความหวังที่เกี่ยวข้องกับ 14 ประตูจาก 14 เกมหลังสุดใน พรีเมียร์ ลีก (9 ประตู, 5 แอสซิสต์)

คีย์แมน

ลิเวอร์พูล : คริสติย็อง เบนเตเก้

     ท่ามกลางสภาพทีมหงส์แดงชุดผสมตัวจริงตัวสำรองแบบนี้ ย่อมหลีกไม่พ้นที่ เบนเตเก้ จะได้โอกาสพิสูจน์ตัวเองอีกครั้งว่าเขายังเป็นจอมถล่มประตูตัวจริงเสียงจริง แม้จะไม่ได้โชว์ฟอร์มสมราคา 32.5 ล้านปอนด์ แต่กระนั้นสถิติการทำประตูของเขาก็ไม่ได้เลวร้าย เฉพาะในลีกลงเล่น 13 นัด (สำรองอีก 14 นัด) ยิงได้ 8 ประตู และมักทำได้ดีในเวลาอันน้อยนิดเมื่อลงสนาม เมื่อต้นฤดูกาล เบนเตเก้ ก็ซัดได้ 1 ประตูปิดท้ายในเกมบุกชนะ 3-1 ที่ทำให้ โชเซ่ มูรินโญ่ ต้องตกงาน ไม่แน่วันนี้อาจจะถึงวันปลดล็อกของบิ๊กเบนอีกครั้งก็ได้

เชลซี  : ดีเอโก้ คอสต้า

    ด้วยขุมกำลังที่ฟอร์มตกกันไปแทบจะยกทีม ทำให้ คอสต้า ต้องพยายามหนักอยู่คนเดียวแทบทุกนัด และในฐานะตัวทำประตูของเชลซี ที่เชื่อถือได้เพียงคนเดียว ทำให้ทุกวันนี้เขาอารมณ์เย็นและนิ่งลงมาก เพราะต้องรับผิดชอบทีมมากขึ้น หัวหอกสเปนวัย 27ปีคนนี้เกี่ยวข้องกับ 14 ประตูจาก 14 เกมหลังสุดใน พรีเมียร์ ลีก (9 ประตู, 5 แอสซิสต์)นอกจากนั้นยังเป็นศูนย์หน้าที่ใช้โอกาสไม่เปลือง (ยิงตรงกรอบ 5 ครั้ง = 1 ประตู) และยังโดดเด่นในด้านการลากเลื้อยและดวลปะทะตัวต่อตัวก็มักทำได้ดี เกมนี้คู่ปรับเก่าอย่าง มาร์ติน สเคอร์เทล ต้องรับมือให้อยู่ อย่าให้คลาดสายตา

วาทะก่อนเกมของผู้จัดการทั้งสองทีม

เจอร์เก้น คล็อปป์ :

     "สิ่งที่เราต้องการมากๆ ในวันพฤหัสหน้า ก็คือเราชนะ เชลซี และ เวสต์บรอม แล้วเราจะกลับมายัง ลิเวอร์พูล พร้อมถ้วยแชมป์ ผมชอบสถานการณ์แบบนี้ เพราะมันคือโอกาสที่ดี ถ้าเราแพ้ใน 2 เกมข้างหน้า ผมก็จะยังคงไปที่ บาเซิ่ล ด้วยความมั่นใจ แต่มันคงดีกว่า ถ้าเราชนะทุกนัดที่เหลือ"

กุส ฮิดดิ้งค์ :

     "ผมคิดว่าเราอาจจะได้เห็นระบบใหม่ และการเปลี่ยนแปลงตัวผู้เล่น ปัจจัยเหล่านั้นจะไม่ส่งผลกระทบใดๆ ต่อเรา เรารู้ดีว่า ลิเวอร์พูล สามารถสร้างอันตรายกับเรา แต่เราก็รู้ดีเช่นกันว่าเราจะสร้างปัญหากับจุดอ่อนของพวกเขายังไง"

ฟอร์มการเล่น

     เจ้าบ้านลิเวอร์พูล ฟอร์มในรัง แอนฟิลด์ ดุดันและเป็นนรกของทีมเยือนอย่างแท้จริงในเวลานี้ 9 นัดหลังสุด ชนะ 7 เสมอ 2 และการันตียิงได้ไม่ต่ำกว่า 2 ประตูต่อนัดในทุกรายการ ขณะที่เชลซี เล่นนอกบ้านไม่ค่อยแน่นอนเท่าไร 9 นัดหลังสุด ชนะ4 เสมอ 1 แพ้ 4 และเสียอย่างน้อย 1 ประตูทั้ง 9 นัด

ประวัติการพบกัน

     ชัยชนะของ ลิเวอร์พูล เหนือ เชลซี เมื่อต้นฤดูกาล นับเป็นการชนะครั้งแรกในการพบกัน 7 ครั้งหลังสุด (ชนะ 1, เสมอ 3, แพ้ 3) นอกจากนั้น ลิเวอร์พูล ยังไม่สามารถรักษาคลีนชีตได้เลยในการดวล เชลซี 9 ครั้งหลังสุดในลีก

รายชื่อนักเตะที่คาดว่าจะลงสนาม

ลิเวอร์พูล (4-2-3-1) : ซิมง มิโญเล่ต์ - นาธาเนี่ยล ไคลน์, เดยัน ลอฟเรน, โคโล่ ตูเร่, อัลแบร์โต้ โมเรโน่ - เจมส์ มิลเนอร์, เอ็มเร่ ชาน - อดัม ลัลลาน่า, โรแบร์โต้ ฟีร์เมียโน่, ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ - แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ (คริสติย็อง เบนเตเก้)

เชลซี (4-2-3-1) : ธิโบต์ กูร์กตัวส์ - บาบ้า ราห์มาน, แกรี่ เคฮิลล์, แม็ตต์ เมียซก้า, เซซ่าร์ อัซปิลิกูเอต้า - เนมานย่า มาติช, จอห์น โอบิ มิเกล - วิลเลี่ยน, เชส ฟาเบรกาส, เอแด็น อาซาร์ - ดิเอโก้ คอสต้า (เบอร์ทรานด์ ตราโอเร่)

ทรรศนะ Siamliverpool     

     สถานการณ์ในคืนนี้ที่ แอนฟิลด์ การพบกับ เชลซี อาจจะไม่จำเป็นต้องชนะก็ได้ แต่นี่คือศึกแห่งศักดิ์ศรีของทั้งสองทีม โดยเฉพาะ ลิเวอร์พูล ที่ คล็อปป์ ประกาศล่วงหน้าแล้วว่าต้องการชนะทั้ง 2 นััดที่เหลือในลีก เอาฤกษ์เอาชัยก่อนดวล เซบีญ่า ที่ บาเซิ่ล และนี่ก็เป็นโอกาสที่ดีมากๆ เพราะสิงห์บลูส์ขาด เทอร์รี่ คุมแผงหลังด้วย มาเจอกับหงส์แดงที่กำลังมั่นใจสุดๆ โดยเฉพาะการเจอกับทีมใหญ่ พวกเขาไม่มีผ่อนเกมแน่นอน เชื่อว่าวันนี้เราจะย้ำแค้น เชลซี ได้อีกครั้งแบบเฉือนๆ

ฟันธง : ลิเวอร์พูล ชนะ 1-0