โคตรระทึกขวัญ!! ผลสอบแข้ง "หงส์" เกมบุกชนะ นอริช 5-4 นาทีสุดท้าย

โคตรระทึกขวัญ!! ผลสอบแข้ง "หงส์" เกมบุกชนะ นอริช 5-4 นาทีสุดท้าย

ซิมง มิโญเล่ต์ 4

     เรียกว่าโดนแต่ละประตูที่เสียไป ไม่มีลูกไหนง่ายเลยสำหรับนายทวารผู้ต่อสัญญาใหม่ 5 ปี เขาไม่สามารถโดนตำหนิได้ในประตูแรกที่เสียไป แต่ก็ควรจะทำได้ดีกว่านี้สำหรับประตูที่สอง ซึ่งเสียง่ายเกินไป รวมทั้งลูกยิงตีเสมอของ บาสซง ด้วย

นาธาเนี่ยล ไคลน์ 6.5

     คงเส้นคงวาเสมอสำหรับ ไคลน์ แม้วันนี้จะไม่ดีเลิศ แต่ก็ไว้ใจได้ในการยืนแบ็กขวา เขาวิ่งขึ้นลงทางฝั่งขวาตลอดเกม และมีส่วนครอสบอลให้ เฮนเดอร์สัน ยิงประตูที่สองของทีมด้วย

โคโล่ ตูเร่ 4.5

     ประตูแรกที่เสียให้ เอ็มโบกานี่ ไม่ต้องสืบว่าใครคือแพะ นอกจากน้าตูเร่นี่เอง และตลอดทั้งเกมเขารับมือ เอ็มโบกานี่ ไม่อยู่เลยจริงๆ

มามาดู ซาโก้ 5

     ไล่ประกบ เอ็มโบกานี่ ไม่ดีเท่าที่ควร เล่นบอลพันแข้งพันขา จนเสียท่าโดน เอ็มโบกานี่ ตอกสั้นตีเสมอเข้าไปในครึ่งแรก ฟอร์มไม่ดีเท่าไรในเกมรับ แต่ก็ดูดีกว่า ตูเร่ ในการดวลลูกกลางอากาศ นอกจากนั้นยังผ่านบอลได้แม่นยำในระดับ 93 เปอร์เซ็นต์เสียด้วย 

อัลแบร์โต้ โมเรโน่ 4.5

     วันนี้พยายามลงมาช่วยเกมรับ ทั้งที่ไม่ใช่งานถนัด และก็มาเสียฟาลว์โง่ๆ จากการสกัด เนย์สมิธ ในกรอบ จนเสียจุดโทษในครึ่งหลัง นอกจากนั้นยังได้ยิงลูกฟรีคิกในครึ่งแรก สำหรับการลงสนามนัดที่ 50 ให้ทีม และก็มีโอกาสยิงอีกครั้ง แต่ก็ไม่ได้ใกล้เคียง

ลูคัส เลว่า 5

     โชคดีมากที่ไม่โดนใบเหลืองจากการไปย่ำข้อเท้า เนย์สมิธ ช่วงต้นเกม วันนี้ตัดเกมไม่อยู่เลย ปล่อยให้ เนย์สมิธ ได้จบสกอร์จากจากลูกครอสของ ฮูลาแฮน หน้าตาเฉย นอกจากนั้นก็มีดีบ้างในแง่การปะทะสวยๆ 2-3 ครั้ง แต่ภาพรวมปกป้องหน้าแผงแบ็กโฟร์ไม่ดีพอ

จอร์แดน เฮนเดอร์สัน 6.5

     หนึ่งในตัวปลุกระดมสปิริตของแดนกลาง วันนี้เขาทำประตูได้จากลููกเปิดของ ไคลน์ นอกนั้นไม่ได้มีอะไรโดดเด่นจนโดนเปลี่ยนตัวออก

เอ็มเร่ ชาน 6

     น่าโดนด่าสำหรับประตูที่เสียท่า เนย์สมิธ เขาควรจะระวังและไล่บี้มากกว่านี้ เกมนี้ ชาน เข้าปะทะอย่างก้าวร้าว และนำไปสู่โอกาสพังประตูของ มิลเนอร์ ในช่วงท้ายเกม ดูมีความมุ่งมั่นในการคุมพื้นที่่แดนกลาง แต่ก็ยังพัฒนาให้ดีกว่านี้ได้อีกในหลายจังหวะที่ค่อนข้างสะเพร่า

จอร์ดอน ไอบ์ 6.5

     ปีกดาวรุ่งโดนจับมายืนทางซ้าย และคุกคามกองหลังด้วยสเต็ปเลี้ยงบอลที่น่ากลัวตามสไตล์ แต่วันนี้เขาได้บอลน้อยเกินไป โดยจับบอลไปแค่ 21 ครั้ง ก่อนจะถูกเปลี่ยนตัวให้ ลัลลาน่า มาแทนในครึ่งหลัง

เจมส์ มิลเนอร์ 7

     วันนี้ฟอร์มดีแจกแอสซิสต์ให้ ฟีร์เมียโน่ ได้ยิง มิลเนอร์ โชว์ความยืดหยุ่นและความหลากหลายในการเล่นตามแท็คติกที่เปลี่ยนไปทั้งเกม แถมลูกที่เขายิงได้ ก็แสดงให้เห็นถึงความเยือกเย็นในจังหวะ 1-1 และเปลี่ยนเป็นประตูได้ในที่สุด และก็อยู่สวมปลอกแขนไปจนจบ 90 นาทีด้วย

โรแบร์โต้ ฟีร์เมียโน่ 8.5 (แมนออฟเดอะแมตช์)

     แมนออฟเดอะแมตช์ของนัดนี้ เบิกร่องประตูแรกด้วยเท้าซ้าย และจู่โจมคู่แข่งด้วยการหาช่องที่ชาญฉลาด ซึ่งเป็นสิ่งที่ ลิเวอร์พูล ขาดแคลนมานาน เขาทำงานหนักในแดนหน้าโดยเฉพาะช่วงต้นเกม ตอนนี้ ฟีร์เมียโน่ ดูเฉียบคมขึ้นทั้งการยิงและการจ่าย ทำให้อันตรายมากกว่าที่เคย ส่วนประตูที่สองของเจ้าตัวก็เป็นยอดเยี่ยมจาก ลัลลาน่า คนถวายพาน และคนยิงอย่าง ฟีโน่ ที่ซัดผ่าน ดีแคลน รุดด์ ไปง่ายๆ

สำรอง

อดัม ลัลลาน่า (แทน ไอบ์ นาที 59) 8.5

     ถูกส่งลงมาเปลี่ยนเกมอย่างสิ้นเชิงในครึ่งหลัง มีส่วนแอสซิสต์ให้ ฟีร์เมียโน่ ด้วยการครอสที่ยอดเยี่ยม หมากของ ลัลลาน่า คือตำแหน่งจอมทัพหลัง ฟีร์เมียโน่ ก่อนจะขยับออกข้าง เมื่อ เบนเตเก้ ถูกส่งลงมา และที่สุดของเขาคงหนีไม่พ้นประตูชัยในนาทีสุดท้าย ที่ทำเอาแฟนๆ และเพื่อนร่วมทีมช็อคตาตั้ง ซึ่งประตูของเขาเสียบมุมเข้าไปแบบเหมาะเจาะจริงๆ

คริสติย็อง เบนเตเก้ (แทน เฮนเดอร์สัน นาที 76) 5

     มีเวลาในสนามราว 20 นาที และก็ไม่ได้ทำอันตรายอะไรแนวรับเจ้าบ้านเท่าไร แม้จะมีส่วนกดดันคู่แข่งในเขตโทษ จากจังหวะประตูของ ลัลลาน่า ภาพรวมแล้วมีเวลาเล่นเยอะพอสมควร แต่ไม่มีประโยชน์กับทีมเท่าที่ควร

สตีเว่น คอลเกอร์ (แทน โมเรโน่ นาที 90) ไม่มีคะแนน

     โดนปล่อยลงมาปิดเกมในตอนจบ แต่พอลงมาปุ๊บก็โดนตีเสมอ 4-4 ทันที โชคยังดีที่ทีมได้ประตูที่ 5 กู้หน้ากันไป