หน้าแรก / ข่าวลิเวอร์พูล / พรีวิว แคปิตอล วัน คัพ รอบ 4 ลิเวอร์พูล -vs- บอร์นมัธ (02.45)

พรีวิว แคปิตอล วัน คัพ รอบ 4 ลิเวอร์พูล -vs- บอร์นมัธ (02.45)

พรีวิว แคปิตอล วัน คัพ รอบ 4 ลิเวอร์พูล -vs- บอร์นมัธ (02.45)

พรีวิว แคปิตอล วัน คัพ รอบ 4 ลิเวอร์พูล -vs- บอร์นมัธ

วันพฤหัสที่ 28 ตุลาคม 2015 เวลา 02.45 น.

สนาม แอนฟิลด์

ผู้ตัดสิน ไมค์ โจนส์

     โปรแกรมการแข่งขันยังคงเบียดแน่นอย่างต่อเนื่องสำหรับ ลิเวอร์พูล ภายใต้การนำทัพของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ที่คืนพฤหัสนี้จะเปิดรัง แอนฟิลด์ รับการมาเยือนของน้องใหม่ พรีเมียร์ ลีก อย่าง บอร์นมัธ ของ เอ็ดดี้ ฮาว ในศึกบอลถ้วยอย่าง แคปิตอล วัน คัพ โดยเกมนี้จะเป็นการเล่นในบ้าน 3 เกมติดต่อกันในทุกรายการ และคาดกันว่าเกมนี้น่าจะเป็นการควานหาชัยชนะในรอบ 5 เกมเพื่อปลดล็อกให้ คล็อปป์ ได้คุมทีมชนะนัดแรกเสียที คืนนี้จะเป็นอย่างที่เราคาดการณ์ไว้หรือไม่ รอชมกันได้เลย

 

สภาพทีมล่าสุด : ลิเวอร์พูล

     ทางเจ้าบ้าน ลิเวอร์พูล มีโปรแกรมสำคัญสุดสัปดาห์ที่ต้องไปเยือน เชลซี ทำให้เกมนี้พวกเขาจะพัก เอ็มเร่ ชาน, ฟิลิฟเป้ คูตินโญ่ โดยจะเปิดโอกาสให้ โจ อัลเลน, โรแบร์โต้ ฟีร์เมียโน่ และ จอร์ดอน ไอบ์ ลงเป็นตัวจริง ส่วน เจมส์ มิลเนอร์ ติดโทษแบนจากการรับใบเหลือง 5 ใบ ส่วนตัวเจ็บที่ลงไม่ได้แน่ๆ มี จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, จอร์แดน รอสซิเตอร์, แดนนี่ อิงส์, โจ โกเมซ รวมทั้ง แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ และ คริสติยอง เบนเตเก้

สภาพทีมล่าสุด : บอร์นมัธ

     ขณะที่ เดอะ เชอร์รี่ มีตัวหลักที่บาดเจ็บอย่าง ทอมมี่ เอลฟิค, คัลลั่ม วิลสัน, ไทรอน มิงส์ และ มักซ์ กราเดล ที่ยังต้องพักรักษาตัวระยะยาว นอกจากนั้นยังมี ลี ทอมลิน ที่จะกลับคืนสู่ทีม หลังพลาดลงเล่นเกมแพ้ สเปอร์ส 5-1 เพราะมีอาการป่วยเป็นไข้ รวมทั้ง อาเธอร์ โบรุก โกล์จอมเก๋าที่จะกลับมาเฝ้าเสาช่วยแผงแบ็กโฟร์อีกครั้ง

คีย์แมน

ลิเวอร์พูล : โรแบร์โต้ ฟีร์เมียโน่

     ซีซั่นนี้ ฟีร์เมียโน่ ออกสตาร์ทกับทีมใหม่ได้อย่างน่าผิดหวัง ไม่สมราคา 29 ล้านปอนด์ที่ย้ายมาจาก ฮอฟเฟ่นไฮม์ เลยสักนิด ด้วยปัญหาอาการบาดเจ็บที่รุมเร้าและฟอร์มที่ห่างไกลจากที่เคยทำไว้ในเยอรมัน จนกระทั่งได้ลงเล่นในครึ่งหลังของเกมเสมอ เซาธ์แฮมป์ตัน ที่ดูเหมือนเขาจะเล่นได้มั่นใจมากขึ้น และนี่จึงเป็นโอกาสดีที่จะได้พิสูจน์ตัวแทนที่ คูตินโญ่ และ ชาน ที่จะถูกพักในคืนนี้

บอร์นมัธ : แม็ตต์ ริทชี่

     ถ้าไม่นับ คัลลั่ม วิลสัน ดาวซัลโวผิวสีที่บาดเจ็บ ก็ต้องเป็น ริตชี่ คนนี้ที่มีบทบาทสำคัญที่ช่วยให้ บอร์นมัธ เลื่อนชั้นมาเล่นใน พรีเมียร์ ลีก เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ และเจ้าตัวก็เพิ่งเบิกสกอร์ได้ในเกมที่พบ ซันเดอร์แลนด์ แถมเขายังมีสถิติผ่านบอลแม่นยำสูง 76.8 เปอร์เซนต์ ท่ามกลางคีย์แมนที่บาดเจ็บหายหน้าไปพร้อมๆ กันถึง 3 คน ทำให้นาทีความหวังสูงสุดย่อมเป็นเขาในเกมนี้

วาทะก่อนเกมของผู้จัดการทั้งสองทีม

เจอร์เก้น คล็อปป์ : 

     "ผมเพิ่งมาอยู่ที่นี่ได้ไม่นานพอที่จะเข้าใจในฟุตบอลถ้วยของอังกฤษ สำหรับผมมันก็เหมือนๆ กันหมดแหละ ผมต้องการชนะในเกมนี้ มันเป็นถ้วยที่สำคัญที่สุดในโลก เพราะมันคือเกมที่เราต้องลงเล่นในวันพรุ่งนี้"

เอ็ดดี้ ฮาว :

     "ผมต้องการพิสูจน์ตัวว่าคนอังกฤษมีดีพอในการคุมทีมใหญ่ๆ แม้มันจะเป็นเรื่องยาก เจอร์เก้น เป็นผู้จัดการที่มีชื่อเสียงและสร้างความมหัศจรรย์ให้กับทีมเก่า เกมนี้คือความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ในการผ่านเข้ารอบ"

ฟอร์มการเล่น

     ฝั่งเจ้าถิ่น ลิเวอร์พูล ฟอร์มไม่ดีไม่ร้ายแต่ก็ไม่ชนะใคร 5 นัดหลังสุดในทุกรายการเสมอรวดทั้งหมด แต่ถ้านับย้อน 9 เกม เสมอมากถึง 8 นัด ส่วนทีมเยือน บอร์นมัธ ฟอร์มย่ำแย่มาระยะหลัง แพ้รวด 2 เกมติดให้ สเปอร์ส และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ โดยเสีย 10 ประตู ได้คืนแค่ 2 ประตู เรียกว่าแย่ทั้งเกมรุกและรับยามที่เจอทีมระดับท็อป

ประวัติการพบกัน

     ทั้งสองนี้พบกันถึง 3 ครั้งในรอบ 2 ปีล่าสุด โดยเป็นทาง ลิเวอร์พูล ที่ชนะเรียบทั้ง 3 เกมทั้งใน เอฟเอ คัพ, แคปิตอล วัน คัพ และล่าสุดกับ พรีเมียร์ ลีก แต่ถ้านับในทุกรายการตลอด 88 ปี เจอกันมา 7 ครั้ง บอร์นมัธ ไม่เคยชนะเลย ทำได้เพียง เสมอ 2 และ แพ้ 5

รายชื่อนักเตะที่คาดว่าจะลงสนาม

 

ลิเวอร์พูล (4-2-3-1) : ซิมง มิโญเลต์ - นาธาเนี่ยล ไคลน์, เดยัน ลอฟเรน, โคโล่ ตูเร่, โฆเซ่ เอ็นริเก้ - ชูเอา คาร์ลอส เตเซร่า, โจ อัลเลน - โรแบร์โต้ เฟียร์มิโน่, อดัม ลัลลาน่า, จอร์ดอน ไอบ์ - ดิว็อค โอริกี

บอร์นมัธ (4-4-1-1) : อาเธอร์ โบรุก - ไซม่อน ฟรานซิส, สตีฟ คุ๊ก, ไบลี่ คาร์กิลล์, อดัม สมิธ - คริสเตียน อัตซู, ฌอน แม็คโดนัลด์, แม็ตต์ ริทชี่, จูเนียร์ สตานิสลาส - โจชัว คิง - ยานน์ เกอร์มอร์กก็องต์

ทรรศนะ Siamliverpool

     3 นัดที่ผ่านมา ภายใต้การปรุงทีมของ คล็อปป์ ที่นำระบบการเล่นแบบเพรสซิ่งมาใส่ในทีม ดูจะพอเห็นความเปลี่ยนแปลงบ้าง โดยเฉพาะผู้เล่นหลายคนได้เล่นในตำแหน่งที่ถนัดของตัวเองชัดเจน เน้นการออกบอลทางกราบแบบจ่ายสั้นๆ ไม่ใช่การโยนยาว แต่อุปสรรคที่ทีมยังไม่กระฉูดในทันที เพราะการขาดกองหน้าแบบโป้งเดียวจอด แม้เกมนี้ บอร์นมัธ จะขาดตัวหลักไปเพียบ แต่ ลิเวอร์พูล ก็ไม่ต่างกัน โดยเฉพาะการไร้ สเตอร์ริดจ์ และ เบนเตเก้ เกมนี้จึงเชื่อว่าเรายังเอาชนะได้ แต่คงไม่มีทางขาดลอยอย่างที่ใครๆ อยากเห็นกัน

ฟันธง : ลิเวอร์พูล เชือด 2-1

ADS