หน้าแรก / ข่าวลิเวอร์พูล / แตกประเด็น 5 จุดที่ "หงส์แดง" พลาดในศึก "แดงเดือด"

แตกประเด็น 5 จุดที่ "หงส์แดง" พลาดในศึก "แดงเดือด"

แตกประเด็น 5 จุดที่ หงส์แดง พลาดในศึก แดงเดือด

          เชื่อว่าหลายๆ คนคงมองว่าการพ่ายแพ้ให้กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในศึก "แดงเดือด" นั้นเป็นเรื่องน่าอับอายขายขี้หน้าสุดๆ ซึ่งจริงๆ แล้วมันก็ใช่ แต่อย่าลืมว่านี้คือเกมๆ เดียวจาก 38 นัดที่ลงเตะในลีกและแน่นอนว่าต้องเป็นบทเรียนราคาแพงหูฉีกของ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส กุนซือเก้าอี้ร้อนแน่นอน วันนี้เราขออาสาแตกประเด็น 5 จุดสำคัญที่ทำให้ "หงส์แดง" พลาดท่าในเกมดังกล่าวมาฝากแฟนกันครับ ^^


 

1. การขาดเลือดนักสู้ของตัวผู้เล่น

          แน่นอนว่าสำหรับเกมนี้แล้ว คงเป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่สุดๆ สำหรับแฟนบอลและนักเตะบางคน แต่สำหรับบรรดาแข้งที่ลงเตะในศึกนี้ของ ลิเวอร์พูล ไม่ว่าจะเป็น มาร์ติน สเคอร์เทล หรือ เดยัน ลอฟเรน ที่ยังขาดประสบการณ์อยู่เยอะ (ในศึกแดงเดือด) ในขณะที่พวก ลูคัส เลว่า, เจมส์ มิลเนอร์ และ เอ็มเร่ จัน ก็เล่นเหมือนกันได้ราวกับนักเตะหมดไฟอย่างไรอย่างนั้น หรือจะพูดง่ายๆ ก็คือทีมกำลังขาดนักเตะที่สามารถปลุกระดมเพื่อนๆ ได้สุดโต่งอย่าง สตีเว่น เจอร์ราร์ด, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน หรือแม้กระทั่ง เจมี่ คาร์ราเกอร์ ซึ่งดูเหมือนว่านักเตะที่ลงสนามไปนั้นยังมีอินเนอร์ในเกมนี้ไม่ถึงขั้น แม้ว่านี่อาจจะเป็นแค่เกมๆ หนึ่งเท่านั้น แต่อย่าลืมว่ามันเป็นศึกที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่าหลายสิบปีเลยนะจะบอกให้


 

2. แทคติกสุดห่วย

MANCHESTER, ENGLAND - Saturday, September 12, 2015: Liverpool players form a group huddle before the Premier League match against Manchester United at Old Trafford. (Pic by David Rawcliffe/Propaganda)

          สำหรับเรื่องนี้ ผู้ที่ต้องรับผิดชอบไปเต็มๆ ก็ต้องเป็น "บีร็อด" แน่นอน แม้ว่าสองฤดูกาลก่อน ลิเวอร์พูล จะประสบความสำเร็จจากการจบอันดับสองและได้ไปเล่นในถ้วย ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก มาก็ตามที แต่นั่นเป็นการพึ่งนักเตะซูเปอร์สตาร์ที่เป็นดั่งความหวังของทีมทั้งหมด และการขาดหายไปของเหล่าสตาร์นั้น ทำให้ทีมต้องหันมาเล่นเป็นระบบมากขึ้น และดูเหมือนว่าการแก้เกมและแทคติกของ ร็อดเจอร์ส ซึ่งถูกจับทางได้ไปหมดแล้ว ไม่ได้ช่วยให้ทีมพัฒนาไปได้ดีขึ้นเลย ขนาดการเปลี่ยนตัวเข้า-ออก เชื่อว่าแฟนบอลหลายท่านคงเดาไม่ได้เลยว่าใครจะถูกเปลี่ยนตัวออก ตามคอนเซ็ปที่ว่า "เล่นดีเปลี่ยนออก" นอกจากนี้สามตัวรุกในแดนหน้าอย่าง คริสติย็อง เบนเตเก้, โรแบร์โต้ เฟียร์มิโน่ และ แดนนี่ อิงส์ ก็แทบจะทำอะไรเกมรับของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไม่ได้เลยด้วยซ้ำ ไม่ใช่ว่านักเตะไม่เก่งหรอกนะ แต่ค่อนข้างมั่นใจว่าแทคติกที่วางไว้อาจไม่ตรงกับความถนัดของเจ้าตัวสักเท่าไร


 

3. ฟอร์มอันเลวร้ายของ เฟียร์มิโน่ และ อิงส์

MANCHESTER, ENGLAND - Saturday, September 12, 2015: Liverpool's Danny Ings in action against Manchester United during the Premier League match at Old Trafford. (Pic by David Rawcliffe/Propaganda)

          อย่างที่บอกไปก่อนหน้านี้ว่าแทคติกที่วางไว้ของ ร็อดเจอร์ส ด้วยการส่ง เฟียร์มิโน่ และ อิงส์ ลงสนามตามระบบ 4-4-2 แบบไดม่อนส์ ดูจะไม่ใช่แผนที่ดีนักสำหรับสองนักเตะ และยังทำให้ เบนเตเก้ ต้องเหนื่อยอยู่ในแดนหน้าเพียงลำพัง เพราะ อิงส์ ต้องลงมาช่วยเกมรับทางริมเส้นฝั่งซ้ายจนเกือบจะเล่นเป็นแบ็คแล้วด้วยซ้ำ ส่วนในรายของ เฟียร์มิโน่ ที่ถูกจับมาเล่นเป็นเพลย์เมกเกอร์แทน ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ ก็ทำหน้าที่แทนได้ไม่ใกล้เคียงเลย เพราะนอกจากจะเก็บบอลไปอยู่แล้ว ยังจ่ายบอลพลาดหลายครั้ง แถมยังมีหลายจังหวะที่เห็นได้ชัดว่าสปีดบอลยังคงมีปัญหาอยู่ หวังว่าการกลับมาของ คูตินโญ่ ในเกมต่อไปน่าจะทำให้อะไรเริ่มดีขึ้นกว่านี้นะ


 

4. ความเซ่อซ่าของ มิโญเล่ต์, ลอฟเรน และ สเคอร์เทล

MANCHESTER, ENGLAND - Saturday, September 12, 2015: Liverpool's Martin Skrtel and Emre Can look dejected as Manchester United score the opening goal during the Premier League match at Old Trafford. (Pic by David Rawcliffe/Propaganda)

          คงต้องบอกว่ารับผิดชอบร่วมกันก็คงไม่ผิด เพราะจังหวะเสียประตูที่สามเกิดจากการเข้าสกัดที่พรวดพราดของ สเคอร์เทล ล้วนๆ แต่ก็ต้องยกเครดิตให้กับเจ้าหนู อ็องโตนี่ มาร์กซิอัล ที่เลี้ยงบอลผ่านไปได้และก็ยิงได้สวย แต่อย่างไรก็ดีคู่เซ็นเตอร์แบ็คของ ลิเวอร์พูล ชุดนี้จะทำให้ มิโญเล่ต์ งานชุกแน่นอน เพราะนอกจากนี้จะเล่นเข้าคู่กันได้แย่แล้ว ความมั่นใจของพวกเขาเองก็เริ่มจะหดหายไปด้วยเหมือนกัน แต่ใช่ว่านายทวารชาวเบลเยียมรายนี้จะรอดพ้นความผิดไปได้นะ เพราะยังอุตส่าห์ออกบอลไปโดนขาของ ฆวน มาต้า อีก ดีนะที่ มารูยาน เฟลไลนี่ ไม่แม่นเท่าไร่ ไม่งั้นเป็นตราบาปชีวิตแน่นอน บอกเลยว่าสามจุดนี้ต้องรีบทำการแก้ไขให้ได้โดยเร็วที่สุด


 

5. การขาดหายไปของ ฟิลิปเป้ คูตินโญ่

LIVERPOOL, ENGLAND - Monday, August 17, 2015: Liverpool's Philippe Coutinho Correia in action against AFC Bournemouth during the Premier League match at Anfield. (Pic by David Rawcliffe/Propaganda)

          ไม่น่าเชื่อว่าการไม่มีคนๆ เดียวจะทำให้เกมรุกของทีมมืดสนิทแบบนี้ ส่วนหนึ่งเพราะการขาดหายไปของ คูตินโญ่ ที่ดันมาติดโทษแบน และทำให้ทีมไม่สามารถทำเกมรุก หรือเก็บบอลในแดนกลางได้เลย น่าเสียดายที่เขาไม่ค่อยมีเพื่อนร่วมทีมคนไหนที่เล่นได้เข้าขากันเหมือนสมัยก่อน เชื่อว่าคงต้องใช้เวลากันอีก 3-4 เกมกว่าแผงเกมรุกจะเริ่มเข้าที และหวังว่า คูตินโญ่ จะสามารถประสานงานกับ เฟียร์มิโน่ ได้ลงตัวมากกว่านี้ ไม่ใช่เล่นกันเหมือนกับคนที่ไม่ได้พูดภาษาเดียวกันซะงั้น


 

          นี่ถือเป็นสัญญาเตือนครั้งสุดท้ายแล้วสำหรับ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ว่าถ้ายังดื้อรั้นใช้แทคติกตามใจตัวเอง โดยที่ไม่สนความถนัดของผู้เล่นแล้วมันจะเป็นอย่างไร นอกจากนั้นการทำทีมด้วยผลงานแบบนี้อาจทำให้เก้าอี้กุนซือของเขาหักลงก็เป็นได้ เชื่อว่าแฟนบอลหลายๆ ท่านคงคิดถึง เจอร์เก้น คล็อปป์ กันหมดแล้ว บอกเลยว่าฤดูกาลนี้จะไม่มีคำว่าฟลุ๊คเหมือนสองซีซั่นก่อนหน้าแน่นอน เตรียมใจไว้นะ "บ๋อยอ้วน" เอ๋ย ^^

ADS