หน้าแรก / ข่าวลิเวอร์พูล / ราฮีม สเตอร์ลิ่ง กับความพินาศที่รออยู่ในอีก 10 ปีนับจากนี้

ราฮีม สเตอร์ลิ่ง กับความพินาศที่รออยู่ในอีก 10 ปีนับจากนี้

ราฮีม สเตอร์ลิ่ง กับความพินาศที่รออยู่ในอีก 10 ปีนับจากนี้

ราฮีม สเตอร์ลิ่ง กับความพินาศที่รออยู่ในอีก 10 ปีนับจากนี้

 

     นาทีนี้ชื่อของ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง หรือไอ้หอกหักลิ่ง คงเป็นชื่อที่แฟนบอล ลิเวอร์พูล ทั้งโลกเกลียดชังที่สุดในใจไปแล้ว ด้วยพฤติกรรมอหังการ์เกินกว่าที่เด็กอายุ 20 ขวบคนหนึ่งจะทำได้กับวงการฟุตบอล หลังแสดงท่าทีสุดกระแดะอยากย้ายหนีจาก แอนฟิลด์ จนตัวสั่น ทั้งๆ ที่สโมสรแห่งนี้ผลักดันเขาให้ได้มีโอกาสแจ้งเกิดลืมตาอ้าปากกับ พรีเมียร์ ลีก

     สถานการณ์ของไอ้หอก ราฮีม กับแฟนๆ ถึงจุดมืดมนมาพักใหญ่หลายเดือน ตั้งแต่ออกตัวแรงชัดเจนว่าไม่ขอต่อสัญญาใหม่กับทีมอีกต่อไป จนทำเอาบรรดาตำนานรุ่นใหญ่ รุ่นกลาง พากันเตือนสติให้ สเตอร์ลิ่ง คิดพิจารณาดีๆ เพราะไม่อยากให้ย้ายทีมแล้วไปดับอนาถเหมือนดาวรุ่งอังกฤษทั้งหลายที่อยากดังเกินตัว จนอนาคตหมดไปจากวงการฟุตบอลทั้งที่อายุยังน้อย เหมือนพวก เดวิด เบนท์ลี่ย์, ฌอน ไรท์ ฟิลลิปส์, ฟรานซิส เจฟเฟอร์, แจ็ค ร็อดเวลล์ และใครอีกหลายคน

     ยิ่งล่าสุด สเตอร์ลิ่ง กลับสร้างความร้าวฉานจนถึงจุดแตกหักที่สุดของที่สุดคือ การปฎิเสธไม่ยอมไปอุ่นเครื่องที่เอเชียและออสเตรเลีย ร่วมกับทีม แถมยังฟอร์มแจ้งลาป่วยเพื่อไม่ไปซ้อมกับทีมในการซ้อมใหญ่ครั้งแรกของซีซั่นนี้ ยิ่งทำให้ เดอะค็อป ที่อังกฤษเดือดดาลรุมกระหน่ำ SMS ไปด่าจนโทรศัพท์น่าจะเมมเต็มไปแล้ว แต่ท่าทีของเขาดูจะไม่สำนึก เพราะมีข่าววงในว่า เขาอยากย้ายเพราะไม่อยากเล่นให้ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส กุนซือผู้ดึงเขามาจากชุดเยาวชน จนทำเอาหลายคนที่ไม่ชอบ บีร็อด ยังอดรู้สึกสงสารไม่ได้

     ที่ผ่านมาเคยมีกรณีแบบนี้อย่างตอนที่ ลูก้า โมดริช จะย้ายจาก สเปอร์ส ไป เรอัล มาดริด ซึ่งทุกคนในทีมไก่เดือยทองรู้ดีว่า โมดริช ไม่ได้ฝากอนาคตกับทีมแล้ว แต่เขาก็ยังมีสปิริตมากพอที่จะขอเครื่องบินไปเล่นปรีซีซั่น เช่นเดียวกันกับ ซัวเรซ ในฤดูกาลที่ 2 ที่ทำท่าว่าจะย้ายแต่เปลี่ยนใจในที่สุด ก็ยังเลือกที่จะไปอุ่นเครื่องกับทีมในเอเชีย (ปีนั้นมาประเทศไทย) นี่สิถึงเรียกว่ามืออาชีพของจริง

     สารภาพจากใจแอดมินว่า ดูบอลมา 20 ปี ไม่เคยมีนักเตะคนไหนในสารบบลูกหนัง ที่กล้าๆ หักความสัมพันธ์กับทุกคนที่มีพระคุณได้มากขนาดเท่า สเตอร์ลิ่ง มาก่อนเลย หลายๆ คนอาจนึกถึงการย้ายทีมของ เฟร์นานโด ตอร์เรส, ไมเคิล โอเว่น, หลุยส์ ซัวเรซ ว่าเป็นความน่าผิดหวัง แต่กระนั้นการย้ายทีมก็ถือเป็นเรื่องธรรมดาของฟุตบอล มันก็เหมือนการย้ายที่ทำงานใหม่ให้ตรงกับผลประโยชน์ของตัวนักเตะเอง จะเป็นเรื่องของเงินทองหรือความสำเร็จ เชื่อว่าทุกคนเข้าใจและยอมรับได้ ถ้ารู้จักวางตัวให้ดีและถนอมน้ำใจ รักษาความสัมพันธ์กับแฟนบอลที่รักเขาบ้าง ไม่มีใครโกรธแค้นหรอกครับ เสียใจมันก็มีบ้างธรรมดามนุษย์

     เปรียบเทียบให้เห็นชัดๆ อย่างกรณี ดาบิด เด เคอา, คริสติย็อง เบนเตเก้ สองคนนี้เป็นคีย์แมนของ แมน ยูไนเต็ด และ แอสตัน วิลล่า ที่มีข่าวว่าต้องการย้ายทีมชัดเจน แต่สิ่งที่เขา 2 คน แสดงออกมาต่างกับ สเตอร์ลิ่ง อย่างลิบลับ คือเลือกที่จะไม่พูด ไม่แสดงความคิดอะไรผ่านสื่อ และเลือกที่พูดคุยเป็นการภายในแบบลับๆ กับสโมสร เพื่อแสดงความเคารพในสัญญาที่มีและถือเป็นการให้เกียรติต่อองค์กรที่จ่ายค่าจ้าง จ่ายเงินให้คุณใช้ และที่สำคัญในรายของ เบนเตเก้ ที่ลือหนักกับ ลิเวอร์พูล ก็ได้ยืนยันว่าเขาจะไปร่วมทัวร์อุ่นเครื่องกับ วิลล่า แน่นอนที่ประเทศเยอรมัน

     การกระทำของ สเตอร์ลิ่ง ว่าไปแล้วก็ถือว่าเป็นความน่าอับอายขายขี้หน้าของสโมสรอย่างแท้จริง เพราะ ลิเวอร์พูล เป็นทีมที่มีประวัติศาสตร์เก่าแก่ มีเกียรติยศมากมายระดับต้นๆ ของอังกฤษ แต่กลับต้องยอมให้ไอ้เด็กวานซืนมาพูดจาจาบจ้วงให้ร้ายทีมอยู่แบบนี้ ทำราวกับว่า ลิเวอร์พูล เป็นทีมระดับตำบลที่ไม่มีราคาค่างวดให้ต้องเคารพกันเลยหรืออย่างไร ดังนั้นทางออกที่ดีที่สุดคือ ทีมควรกำจัดไอ้เด็กเวรคนนี้ให้รีบไสหัวไปจากทีม ให้ แมน ซิตี้ ในราคาที่พอสมควร ดีกว่าจะทำให้สปิริตของทีมต้องมาเสียสมาธิเพราะคนที่ไม่มีใจแบบนี้ต่อไป และที่สำคัญเสียภาพลักษณ์ของสโมสร

     แอดมิน เชื่ออย่างยิ่งว่า (อันนี้ความคิดเห็นส่วนตัว) สเตอร์ลิ่ง จะไม่สามารถทำผลงานได้ดีไปกว่าฤดูกาลที่แล้วอย่างแน่นอน พูดตรงๆ ก็เหมือนแช่งล่วงหน้าก็ได้ว่า ต่อให้ไปอยู่ในทีมที่มีองค์ประกอบดีๆ อย่าง แมน ซิตี้ ก็ไม่ได้สร้างประโยชน์อะไรให้ทีม ประเมินจากสไตล์การเล่นที่ไม่มีอะไรพลิกแพลง มีแต่ความเร็ว กับการลากเลื้อยมั่วซั่วอยู่เรื่อยไป แถมยิงประตูก็ไม่คม เทียบกับพวก ดาบิด ซิลบา, ซามีร์ นาสรี่ หรือ เฆซุส นาบาส ที่เป็นบอลใช้สมอง ถามจริงๆ ไอ้ลิ่ง มันเอาอะไรมาเก่งกว่า 3 คนนี้ อนาคตเตรียมได้ไปเลี้ยงลูกอยู่กับบ้าน และเตะบอลระดับดิวิชั่น 2 เป็นแน่แท้ ความตกต่ำกำลังรอโบกมือหยอยๆ ในไม่ช้า ไม่เกิน 5 ปีนี้คอยจับตาดูได้เลย แอดมิน มั่นใจมากๆ

     แต่ต่อจะให้ สเตอร์ลิ่ง จะไปประสบความสำเร็จใหญ่โตอะไรมา จะได้ถ้วยแชมป์กี่ใบ เขาก็ได้ชื่อว่าเป็นไอ้เด็กเวร คนทรยศ อกตัญญู ไปเรียบร้อยแล้ว นับจากนี้จนถึงวันแขวนสตั๊ดเขาก็คงไม่มีเกียรติในสายตาแฟนบอลของทีมไหนๆ ก็ตาม คิดสภาพว่าไปไหนมาไหนก็มีแต่คนรังเกียจ มองด้วยสายตาดูถูก เก่งแต่ไม่มีใครนับถือยกย่องไปทั้งชีวิต แล้วถ้ายิ่งเกิดคดีพลิก ไม่ได้ย้ายไป แมน ซิตี้ ละก็ ไอ้ลิ่้งเอ๋ย มันจะเอาหน้าไปมุดรูที่ไหน อยู่ต่อก็โดนดอง ให้โอกาสม้านั่งสำรองก็โดนแฟนโห่ หน้าตาน่ากลัว ทำตัวน่าเกลียด มันก็สมควรแล้วละครับ หากจะเป็นแบบนั้น เพราะเขาทำตัวเองแท้ๆ

     เขียนมาถึงตรงนี้ เชื่อว่าคงไม่มีเดอะค็อปคนไหนกล้าให้อภัย สเตอร์ลิ่ง ได้อีกต่อไป เพราะไม่ว่าสังคมไหนๆ อาชีพอะไร ต่างก็ต้องการอยากเห็นคนดีกันทั้งนั้น บางคนบอกว่าอย่าไปโทษเด็ก ให้โทษเอเยนต์อย่าง ไอดี้ วอร์ด นั่นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น คนถ้ามันไม่มีนิสัยอวดดีไร้สมองแบบนี้อยู่แล้ว เอเยนต์มายุแยงยังไงก็ไม่มีทางทำตามหรอกครับ

     ท้ายที่สุด ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ในอีก 10 ปีข้างหน้า คงได้ชื่อว่า ดาวรุ่งที่น่ารังเกียจที่สุดในประวัติศาสตร์ของสโมสร ลิเวอร์พูล ไปตลอดกาล เลวร้ายยิ่งกว่าการที่ โอเว่น ย้ายไปเล่นให้ แมน ยูไนเต็ด แบบไม่เห็นฝุ่น ถึงวันนั้นอย่าแหกปากสำนึกผิดขอโทษเอาตอนแก่ก็แล้วกัน ถึงยังไง สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม แอดมิน เชื่อแบบนั้น

 

ADS