หน้าแรก / ข่าวลิเวอร์พูล / 10 ปัจจัยที่จะพา "หงส์แดง" ผงาดท็อปโฟร์อีกครั้งในฤดูกาล 2015/16

10 ปัจจัยที่จะพา "หงส์แดง" ผงาดท็อปโฟร์อีกครั้งในฤดูกาล 2015/16

10 ปัจจัยที่จะพา หงส์แดง ผงาดท็อปโฟร์อีกครั้งในฤดูกาล 2015/16

10 ปัจจัยที่จะพา "หงส์แดง" ผงาดท็อปโฟร์อีกครั้งในฤดูกาล 2015/16

 

1. การเตรียมทีมในช่วงปรี-ซีซั่น

          แน่นอนว่าหลังจากที่ทางเจ้าของสโมสรได้ทำการต่อสัญญากับ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ออกไปอีก ทำให้สิทธิ์ในการทำทีมยังอยู่ในมือของกุนซือชาวไอร์แลนด์เหนือเหมือนเช่นเคย อย่างไรก็ดีการเสริมทัพที่ดีย่อมทำให้โอกาสกลับไปติดท็อปโฟร์อีกครั้งเป็นไปได้สูง ซึ่งก่อนหน้าที่ตลาดซื้อ-ขายช่วงหน้าร้อนจะเริ่มขึ้น ทางสโมสรได้มีการเปลี่ยนแปลงภายในอย่างมาก นั่นก็คือการปลดผู้ช่วยผู้จัดการทีมอย่าง โคลิน ปาสโค และโค้ชผู้ฝึกสอนทีมชุดใหญ่อย่าง ไมค์ มาร์ช ออกจากทีม

Prepare for a Productive Pre-Season

          แม้ว่าตำแหน่งผู้ช่วยกับโค้ชจะว่างลง แต่สิ่งที่กำลังจะเริ่มต้นขึ้นก็คือฤดกาลแห่งการเสริมทัพ โดย ลิเวอร์พูล ไม่รอช้า ได้ทำการเซ็นนักเตะสามรายในเวลาอันรวดเร็ว ได้แก่ เจมส์ มิลเนอร์, แดนนี่ อิ้งส์ และ อดัม บ๊อกดาน แบบฟรีไร้ค่าตัว นับเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี เพราะนักเตะเกรดบีเหล่านี้อาจจะกลายเป็นกำลังสำคัญในยามคับขันก็เป็นได้ เชื่อว่าแฟนบอลหลายคนอยากเห็นความเปลี่ยนแปลงในทีมที่มากกว่านี้ โดยเฉพาะการเซ็นนักเตะระดับท็อปมาร่วมทีม และอย่าลืมว่าขนาดของทีมก็มีส่วนสำคัญในการลงเล่นหลาย ๆ ทัวร์นาเม้นต์ในฤดูกาลเดียว

2. เซ็น นาธาเนี่ยล ไคลน์

          แม้ว่าเหตุการณ์นี้จะยังไม่เกิดขึ้นจริง แต่โอกาสของเรายังมี เพราะอย่างที่ทราบกันดีว่าตำแหน่งแบ็คขวาของ ลิเวอร์พูล เป็นยิ่งกว่าจุดบอดของทีมเสียอีก ไม่ว่าจะเป็น เกล็น จอห์นสัน แบ็คขวาธรรมชาติ และ เอ็มเร่ ชาน แบ็คขวาจำเป็น หรือแม้กระทั่ง ฆาเบียร์ มานกีโญ่ แข้งดาวรุ่งที่ยังพิสูจน์ตัวเองไม่ได้ ล้วนเป็นปัญหาสำคัญที่ต้องได้รับการแก้ไขอย่างด่วน

Sign Nathaniel Clyne

          ดูเหมือนว่ารายชื่อของ นาธาเนี่ยล ไคลน์ แบ็คขวาตัวเก่งของ เซาท์แฮมป์ตัน จะโผล่ขึ้นมาในลิสต์ของ ร็อดเจอร์ส ทันที และมีโอกาสสูงที่จะสามารถคว้าตัวเขามาร่วมทีมได้ ด้วยผลงานที่ได้พิสูจน์แล้วตลอดฤดูกาล 2014/15 คงไม่มีอะไรต้องสงสัยอีก น่าสนใจที่เขาเป็นนักเตะสัญชาติอังกฤษ จึงทำให้ค่าตัวของ ไคลน์ สูงพอสมควร

3. ไขก็อกแนวรับด่วน

          อย่างที่ทราบกันดีว่า เกมรับของ ลิเวอร์พูล เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมาค่อนข้างอยู่ในเกณฑ์ที่ล้มเหลวสุด ๆ แม้ว่าจะมีนักเตะปราการหลังดี ๆ อยู่ในทีมก็ตาม แต่ก็ยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาเกมรับเน่าได้เลย จริงอยู่ที่ส่วนหนึ่งมากจากตัวนักเตะเอง แต่อีกส่วนหนึ่งน่าจะมาจากโค้ชเกมรับที่ยังไม่เจ๋งพอ ถึงเวลาหรือยังที่จะต้องปรับจูนเกมรับกันอย่างจริงจัง และการเสริมผู้เล่นในเกมรับก็ยังคงมีความจำเป็นกับทีมอยู่ดี

Steady the Defensive Ship

          จากสถิติการเสียประตูสองฤดูกาลหลังสุด ไม่น่าเชื่อว่าจะโดนยิงไปถึง 98 ลูก (2013/14 : 50 ลูก, 2014/15 : 48 ลูก) แม้ว่าจะดูดีขึ้นเพราะเสียประตูน้อยลง แต่ก็ยังแย่อยู่ดีหากเทียบกับทีมในอันดับ 1 ใน 6 ของพรีเมียร์ลีก หวังว่าฤดูกาลที่กำลังจะถึงนี้จะโดนคู่แข่งเจาะตาข่ายน้อยลงกว่าเดิม

4. เซ็นปราการหลังตัวใหม่

          ดูเหมือนว่าปัญหาแนวรับจะเป็นเรื่องแรกที่ต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน ซึ่งหนึ่งในทางออกนั้นก็คือการคว้าตัวปราการหลังมาเพิ่ม นอกจากตำแหน่งแบ็คขวาที่เล็งเป้า ไคลน์ ไว้แล้ว กองหลังร่วมเพื่อนร่วมทีมอย่าง โทบี้ อัลเดอร์ไวเรลด์ ก็น่าจะสนใจไม่แพ้กัน หรือแม้กระทั่ง นิโคลัส เอ็น'คูลู กองหลังวัย 30 ปีของ มาร์กเซย ก็เป็นทางเลือกที่ดีเลยทีเดียว

Sign a New Centre-Back

5. จัดมิดฟิลด์ตัวรับมาเพิ่ม

          หลังผ่านไปสี่ข้อจะเห็นว่าประเด็นที่ถูกพูดถึงมากที่สุดก็คือเกมรับ ซึ่งแน่นอนว่ามิดฟิลด์ตัวรับก็เป็นหนึ่งในนั้นเช่นกัน โดยผู้เล่นที่มีอยู่ในทีมตอนนี้อย่าง ลูคัส เลว่า หรือแม้กระทั่ง โจ อัลเลน ก็ยังไม่สามารถแก้ไขจุดอ่อนนี้ได้ ในขณะที่ทีมอื่น ๆ อย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มี ไมเคิ่ล คาร์ริค, เชลซี มี เนมานย่า มาติช, สเปอร์ส มี นาบิล เบนตาเล็บ, เซาท์แฮมป์ตัน มี วิคเตอร์ วานยาม่า และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มี แฟร์นานโด แต่ทีมเราเองกลับพึ่งพาใครไม่ได้เลย

Sign a Defensive Midfielder

          จุดนี้จึงข้อเสนอทางออก ด้วยรายชื่อกองกลางตัวรับชั้นดีอย่าง เจฟฟรี้ กองด็อกเบีย นักเตะของ โมนาโก ซึ่งมีข่าวลือว่า ลิเวอร์พูล กำลังให้ความสนใจอยู่ด้วย มีแนวโน้มสูงที่อาจจะได้ตัวเขามาร่วมทีมเพราะกฎ "ไฟแนนซ์เชี่ยล แฟร์เพลย์" กำลังเล่นงานยอดทีมจาก ลีก เอิง อยู่

6. ภาวนาให้ฟอร์มของ คูตินโญ่ เปรี้ยงปร้าง

          คงปฏิเสธไม่ได้ว่าหนึ่งในนักเตะความหวังของทีมอย่าง ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ ที่เป็นกำลังสำคัญและเป็นทุกสิ่งทุกอย่างในเกมรุก ซึ่งการที่เขาสามารถระเบิดฟอร์มได้เร็วและต่อเนื่องได้ในทุก ๆ เกมได้ จะเป็นเรื่องดีสำหรับทีมมาก อย่างไรก็ดี ลิเวอร์พูล ก็จำเป็นต้องเสริมนักเตะที่สามารถเล่นเข้าขากับ คูตินโญ่ ได้ด้วย เหมือนตอนที่ หลุยส์ ซัวเรซ ยังอยู่กับทีม ซึ่งหวังว่าจะได้เห็นเพลย์เมกเกอร์บราซิเลี่ยนได้ประสานงานสวย ๆ กับเพื่อนร่วมทีมในฤดูกาลต่อไป

Lighten the Load on Philippe Coutinho

7. คว้าตัว มาเตโอ โควาซิช มาให้ได้

          หวังว่าข่าวลือหนาหูจะเป็นเรื่องจริงบ้าง ในการเซ็นสัญญาความตัว มาเตโอ โควาซิช แข้งหนุ่มอนาคตไกลของทีม อินเตอร์ มิลาน ซึ่งเขาเป็นหนึ่งในนักเตะที่เล่นดีที่สุดของทีมเลยก็ว่าได้เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา ด้วยจุดเด่นที่ฝีเท้าอันสุดติ่งและความสามารถเฉพาะตัวบวกกับผลงานของหนุ่มไฟแรงที่ซัดไปถึง 10 ประตูในฤดูกาลล่าสุด จึงเหมาะมากที่จะดึงตัวเขามาเป็นจอมทัพคนใหม่ในถิ่นแอนฟิลด์แทน สตีเว่น เจอราร์ด ที่อำลาทีมไปแล้ว เชื่อว่าเขานี่แหละจะเป็นคู่หูที่ดีกับ คูตินโญ่ ในอนาคต

Sign Mateo Kovacic

8. หาตัวตายตัวแทนของ สเตอร์ลิง (หากเขาต้องย้ายออกจากทีม)

          แน่นอนว่าการปล่อยตัว ราฮีม สเตอร์ลิง จะเป็นผลเสียต่อเกมรุกของทีม แต่อย่างไรก็ดีค่าตัวที่ได้จากเขาจะสามารถนำมาซื้อตัวผู้เล่นในระดับเกรดเอในยุโรปได้เลย ซึ่งมองแล้วการที่เขาเป็นนักเตะสัญชาติอังกฤษจะทำให้ค่าตัวของเขาสูงปรี๊ดสุด ๆ และอาจจะถึง 50 ล้านปอนด์ (ประมาณ 2,612 ล้านบาท) เลยทีเดียว

Adequately Replace Raheem Sterling...If He Leaves

          สำหรับผู้เล่นที่น่าสนใจในเกมรุกและราคาพอลุ้นได้ก็จะมีทางด้านของ ซอน ฮวงมิน (เลเวอร์คูเซ่น), ปิแอร์-เอเมริค ออบาเมยอง (ดอร์ทมุนด์) และ อันเดรย์ ยาร์โมเลนโก้ (ดินาโม เคียฟ) หากได้งบประมาณจากการขาย สเตอร์ลิง ออกจากทีม เชื่อว่าพวกเขาเหล่านี้น่าจะพา ลิเวอร์พูล กลับสู่ท็อปโฟร์ได้อีกครั้ง

9. ลุ้นความฟิตของ แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์

          ต้องยอมรับความจริงว่าฤดูกาลที่ผ่านมาปัญหาความฟิตและอาการบาดเจ็บที่เล่นงาน แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ ทำให้เขาได้รับโอกาสลงสนามเพียงแค่ 12 เกมเท่านั้น ได้แต่หวังว่าฤดูกาล 2015/16 จะกลับมาฟิตเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์เป็นแกนหลักสำคัญในแดนหน้าได้อีกครั้ง

Negotiate the Waning Fitness of Daniel Sturridge

10. จัดหนักคว้าตัวศูนย์หน้าตัวเป้าระดับท็อปคลาส

          แน่นอนว่าตัวเลือกกองหน้าของ "หงส์แดง" ที่มีจำกัด ทำให้ช่วงครึ่งฤดูกาลหลังที่ผ่านมา ไม่มีศูนย์หน้าอาชีพลงเล่นในหลาย ๆ เกม แม้ว่าจะมี ฟาบิโอ บอรินี่, ริคกี้ แลมเบิร์ต และ มาริโอ บาโลเตลลี่ เป็นออฟชั่นสแตนบายอยู่ข้างสนาม แต่ทาง "บีร็อด" เองก็เลือกที่จะไม่ใช้งานผู้เล่นเหล่านี้ หวังว่าฤดูกาลที่กำลังจะเริ่มต้นนี้ จอห์น ดับเบิลยู เฮนรี่ เจ้าของสโมสรจะโชว์ป๊าคว้ากองหน้าระดับท็อปคลาสมาร่วมทีมให้แฟน ๆ ได้ชื่นใจกันบ้าง

Sign a Top-Class Centre-Forward

ADS