หน้าแรก / ข่าวลิเวอร์พูล / วิเคราะห์หลังเกมลิเวอร์พูล: สิ่งที่ขาดหายในกลยุทธ์ของ ร็อดเจอร์ส ?

วิเคราะห์หลังเกมลิเวอร์พูล: สิ่งที่ขาดหายในกลยุทธ์ของ ร็อดเจอร์ส ?

earthmomo 2015-04-21 15:49:44 เอฟเอ คัพ
วิเคราะห์หลังเกมลิเวอร์พูล: สิ่งที่ขาดหายในกลยุทธ์ของ ร็อดเจอร์ส ?

วิเคราะห์หลังเกมลิเวอร์พูล: สิ่งที่ขาดหายในกลยุทธ์ของ ร็อดเจอร์ส ?

     ในระหว่างการแข่งขัน เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ทำได้แค่นั่งก้มหน้าก้มตาอยู่ใต้สปอตไลท์ ณ สนาม เวมบลีย์ สิ่งที่มันเกิดขึ้นมันตอบได้ดีพอสมควรว่าตัวเขากำลังกังวลและหมดหนทางที่จะแก้สถานการณ์ในค่ำคืนอันน่าผิดหวังครั้งนี้ได้

     หลังจบเกมบอสตาหวานได้ออกมาพูดถึงลูกทีมว่า " ผมคิดว่ามันจะเป็นเกมที่ทั้งสองฝ่ายต่างสู้กันด้วยฟอร์มอันยอดเยี่ยมของทั้งคู่ ทุกคนเองก็คิดเช่นนั้น แต่ผมไม่เห็นพลังงานของทีมเราแสดงออกมาให้เห็นเลยแม้แต่น้อย "

     " เราไม่ใกล้เคียงกับระดับที่เราเป็นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา คุณเล่นให้สโมสรอย่าง ลิเวอร์พูล ความคาดหวังมันจะสูงตามไปด้วย บางทีเราอาจจะประหม่าและอยากจะชนะจนมารบกวนจิตใจมากเกินไป "

     นั่นก็เพียงพอที่จะสรุปได้ว่าเจ้าตัวไม่ได้คาดคิดว่ารูปเกมจะออกมาในรูปแบบนี้ ส่วนนึงเราคงต้องยกเครดิตให้แก่ ทิม เชอร์วู้ด ที่โชว์ให้ทุกคนได้เห็นว่า แอสตัน วิลล่า ของพวกเขาก็ไม่ได้หมูอย่างที่ทุกคนคิด

     แล้วอะไรล่ะ.. คือสาเหตุที่ทีมดังอย่าง ลิเวอร์พูล กลับต้องเผชิญฝันร้ายในเมืองหลวง อะไรคือสิ่งที่ขาดหายในกลยุทธ์ของ ร็อดเจอร์ส เรามาลองวิเคราะห์กันดูครับ!!


ข้อจำกัดใน 11 ตัวผู้เล่น

     มันเป็นเรื่องที่น่าเสียดายเมื่อเราต้องขาดผู้เล่นอย่าง อดัม ลัลลานา และ แดเนียล สเตอร์ริดจ์ ไปกับอาการบาดเจ็บ นั่นเท่ากับว่าทาง ร็อดเจอร์ส จะมีข้อจำกัดในการวางหมาก อีกทั้งการขาดหายไปของ ลูคัส เลว่า ถือเป็นส่วนสำคัญในตำแหน่งแดนกลางของผู้จัดการทีมเลยทีเดียว

     สิ่งที่บอสตาหวานตัดสินใจคือการเสี่ยงในการเติมผู้เล่นในแนวรุกในเกมนี้มากเกินไปโดยเฉพาะผู้เล่นที่ขาดประสบการณ์และผู้เล่นที่เริ่มโรยราอย่าง เกล็น จอห์นสัน ลงในเกมนี้ แน่นอนการไม่มี ลูคัส เลว่า ทำให้พวกเขาจำใจต้องกลับไปใช้แผน 3-4-2-1 โดยมี สตีเว่นเจอร์ราร์ด รับบทบาทในเชิงสูง และต้นเหตุความผิดพลาดของการจัดหมากในนัดดังกล่าวก็คือความสมดุลนั่นเอง

 

 


ไร้ความสามารถในการคอนโทรลเกม

     ใช้เวลาเพียงไม่นานนักที่ทุกคนจะเริ่มมองเห็นว่าแผน ลิเวอร์พูล นั้นเริ่มไม่เวิร์คเอาเสียเลย!! และจุดนี้เองที่ทำให้ วิลล่า มีความมั่นใจและเป็นพวกเขาที่อาศัยการเร่งจังหวะในพื้นที่แนวรับ ลิเวอร์พูล และทุกอย่างก็เป็นไปตามคาด

     เชอร์วู้ด อาศัยโอกาสที่ ลิเวอร์พูล ไม่มีมิดฟิลด์ตัวตัดเกมธรรมชาติอย่าง ลูคัส เข้าเล่นงานในตำแหน่งระหว่างมิดฟิลด์กับแผงหลัง โดยอาศัยความแข็งแกร่งด้านพละกำลังเข้าเล่นงาน และทุกอย่างก็ดูจะง่ายดายอย่างเหลือเชื่อในการทำลายจังหวะของลูกทีม ร็อดเจอร์ส

 

 


ไร้ความสามารถในการคุกคามคู่แข่ง

     เกมนี้ทาง เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ตัดสินใจส่ง ราฮีม สเตอร์ลิง เป็นหัวหอกตัวเป้าแทน สเตอร์ริดจ์ ที่มีปัญหาเรื่องสภาพร่างกาย และด้วยประสบการณ์และความเป็นเพชรฆาตในตำแหน่งดาวยิงนั่นเองที่ทำให้พวกเขาไม่สามารถสร้างความหวาดหวั่นให้คู่แข่งได้นับตั้งแต่นาทีแรกจนนาทีสุดท้ายของเกมแข่งขัน

     ด้วยสรีระและการเตรียมตัวมาดีของ แอสตัน วิลล่า ราฮีม สเตอร์ลิง แทบไม่มีบทบาทสำคัญกับเกมและถูกตัดออกจากเกมในที่สุด ยิ่งขาดดาวเตะที่มีอิทธิพลต่อเกมอย่าง ลัลลานา และ สเตอร์ริดจ์ ด้วยแล้ว ยิ่งทำให้พวกเขาหมดมุขที่จะเจาะคู่แข่งไปโดยปริยาย

Brendan Rodgers on the ball at Wembley

 

 


ไม่กล้าเปลี่ยนแปลงรูปแบบการเล่น

     เห็นได้ชัดว่า สตีเว่น เจอร์ราร์ด แทบไม่มีส่วนร่วมกับเกมและสามารถสร้างจังหวะในการโจมตีคู่แข่งจากแดนกลางได้ และเป็นอีกครั้งที่ทาง ร็อดเจอร์ส มักเปลี่ยน มาริโอ บาโลเตลลี่ ลงมาในครึ่งหลังและไม่สามารถทำผลงานเป็นชิ้นเป็นอันเหมือนกับทุกครั้งที่เขาได้รับโอกาส แม้ มาริโอ้ เกือบทำประตูปลุกความหวังของได้จากจังหวะล้ำหน้ากังขา แต่นั่นแถบเป็นโอกาสเพียงไม่กี่ครั้งที่เขาสามารถสร้างได้

     บ่อยครั้งที่เรามักเห็น เบนเตเก้ และ ฟาเบียน เดลฟ์ แสดงให้ ร็อดเจอร์ส เห็นว่าพวกเขากำลังมีปัญหาในตำแหน่งแดนกลาง แต่ ร็อดเจอร์ส กับทำได้แค่ยืนมองความผิดพลาดในเกมซ้ำไปซ้ำมา โดยไม่กล้าเสี่ยงที่จะเปลี่ยนแปลงเพื่อกลับเข้าสู่เกมอีกครั้ง

 

 


แก้เกมช้าไม่ทันการณ์

     สิ่งที่หลายคนไม่คาดคิดในการตัดสินใจของ ร็อดเจอร์ส ก็คือการส่ง แลมเบิร์ต ในขณะที่เหลือเพียงไม่กี่นาทีก่อนหมดเวลาการแข่งขัน หากบอสตาหวานจะปรับแผนมาเล่นลูกกลางอากาศมากขึ้น การให้เวลาอดีตหัวหอกจากเซาร์แธมป์ตันเพียงแค่ 4 นาที ในสนาม คงไม่สามารถทำให้เขาทำในสิ่งที่บอสมุ่งหวังได้ และจากจุดนี้ทาง ร็อดเจอร์ส ต้องรับผิดชอบเช่นกันกับการตัดสินใจได้ไม่ดีเท่าที่ควร

 

 

ADS