หน้าแรก / ข่าวลิเวอร์พูล / พรีวิว เอฟเอ คัพ แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส -vs- ลิเวอร์พูล

พรีวิว เอฟเอ คัพ แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส -vs- ลิเวอร์พูล

พรีวิว เอฟเอ คัพ แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส -vs- ลิเวอร์พูล

พรีวิว เอฟเอ คัพ แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส -vs- ลิเวอร์พูล

วันพุธที่ 8 เมษายน 2015 เวลา 01.45 น.

สนาม อีวู้ด ปาร์ค

ถ่ายทอดสด ช่อง 7

 

     นับตั้งแต่ 4 สัปดาห์ก่อนที่ทั้งสองฝ่ายเสมอกันไปแบบโนสกอร์ที่แอนฟิลด์ นัดนี้พวกเขาต้องกลับมาลงแข่งนัดรีเพลย์กันที่สนามอีวู้ด ปาร์ค เพื่อหาทีมเข้าสู่รอบรองชนะเลิศศึกเอฟเอ คัพ แกรี่ โบว์เยอร์ หวังอย่างยิ่งว่าทีมแบล็คเบิร์นของเขาจะสามารถกุมความได้เปรียบจากการเล่นในบ้าน บวกกับฟอร์มของผู้มาเยือนที่กำลังสะดุด แพ้มา 2 นัดติดต่อกันในลีกให้กับแมนฯยูและอาร์เซนอล แต่เจ้าบ้านเองก็ใช่ว่าจะฟอร์มดี แพ้ถึง 2 จาก 3 นัดล่าสุดในลีก เกาะอยู่กลางตารางที่อันดับ 10 มาดูกันว่าใครจะอยู่ ใครจะไปในนัดสำคัญนี้

สภาพทีมล่าสุด : แบล็คเบิร์น

     เจ้าบ้านแบล็คเบิร์นกำลังเผชิญกับวิกฤติผู้เล่นบาดเจ็บถึง 10 คน รวมไปด้วย ไซม่อน อีตส์วู้ด, คริส เทย์เลอร์, รูดี้ เกสเตด, คริส บราวน์, เคร้ก คอนเวย์, แกรนท์ แฮนลีย์, จอช คิง, เดวิด ดันน์ และสองนักเตะที่เจ็บยาวอย่าง เชน ดัฟฟี่ และเจนสัน โลว์ สำหรับอดีตนักเตะ "หงส์แดง" อย่าง เจย์ สเปียร์ริ่ง จะหมดสิทธิ์ลงสนามในนัดนี้เนื่องจากติดคัพไทในการเจอกับทีมเก่า ส่วน พอล เทย์เลอร์, เดวิด ราย่า และจอห์น โอซัลลิแวน ก็ไม่สามารถลงสนามได้เช่นกัน แต่ข่าวดีคือ เจสัน สตีล ที่ได้พักในเกมเมื่อวันเสาร์ จะออกสตาร์ทเป็นตัวจริงในนัดนี้

สภาพทีมล่าสุด : ลิเวอร์พูล

     สำหรับลิเวอร์พูล เบรนแดน ร็อดเจอร์ส เผยว่า มาริโอ บาโลเตลลี่ จะกลับสู่ทีมพร้อมลงสนามได้ในเกมนี้ ศูนย์หน้าจอมเกรียนชาวอิตาเลียนพลาดการลงสนามในเกมกับอาร์เซนอลเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา เนื่องจากมีปัญหาอาการบาดเจ็บที่หัวเข่าระหว่างฝึกซ้อม และต้องรอทดสอบความฟิตจนวินาทีสุดท้ายเพื่อที่จะได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงในเกมนี้

คีย์แมน

แบล็คเบิร์น : จอร์แดน โร้ดส์

     นักเตะวัย 25 ปี กระหน่ำไปแล้วถึง 17 ประตูให้กับแบล็คเบิร์นในซีซั่นนี้ และดูเหมือนว่าน่าจะมีทีมจาก พรีเมียร์ ลีก คว้าตัวเขาไปร่วมทีมในซีซั่นหน้า จากการลงเล่น 39 นัด ศูนย์หน้ารายนี้สร้างโอกาสทำประตูได้ถึง 36 ครั้ง แถมยังทำแอสซิสต์ได้ 4 ครั้งอีกด้วย

     ความแม่นยำในการประตูของเขาต้องบอกเลยว่าน่าประทับใจ โอกาสทำประตูตรงเป้าของเขามีถึง 44% หรือ เป็นประตู 17 ลูกต่อ 38 ครั้งที่ได้ง้างเท้ายิง ซึ่งหมายความว่าเขาทำประตูได้หนึ่งลูกต่อโอกาสทำประตู 2 ครั้งเลยทีเดียว

ลิเวอร์พูล : ฟิลิปเป้ คูตินโญ่

     แม้ คูตินโญ่ จะดูเหมือนฟอร์มตกจากสองนัดที่ผ่านมา แต่หนุ่มน้อยชาวบราซิลเลียนคนนี้ก็เป็นหนึ่งในคนสำคัญที่ทำให้ลิเวอร์พูลพลิกฟอร์มกลับมาดีขึ้นจนผิดหูผิดตานับตั้งแต่เริ่มปีใหม่ ยิงประตูและสร้างสรรค์โอกาสได้เป็นว่าเล่น จากการออกสตาร์ทเป็นตัวจริง 25 นัด คูตินโญ่กดไปแล้ว 4 ประตู และแอสซิสต์อีกได้อีก 4 ลูก เฉลี่ยแล้ว 2.5 ครั้งต่อเกม เลี้ยงบอลผ่านสำเร็จ 3 ครั้งต่อเกม นอกจากนี้ยังมีสถิติการจ่ายบอลแม่นยำถึง 80%

     เป็นที่รู้กันดีว่าเขาสามารถเล่นได้ทั่วทั้งพื้นที่ในตำแหน่งกองกลาง นักเตะวัย 22 ปีรายนี้ชอบที่จะเลี้ยงบอลจากทางฝั่งขวาแล้วตัดเข้าในเพื่อหาโอกาสยิงบริเวณนอกกรอบเขตโทษ เป็นสิ่งที่เขาทำได้ดีมากพักหลังมานี้ เป็นนักเตะที่สร้างสรรค์โอกาสได้มากที่สุดในทีม และคาดว่าจะโชว์ฟอร์มสุดยอดได้ในเกมนี้

วาทะก่อนเกมของผู้จัดการทั้งสองทีม

     แกรี่ โบว์เยอร์ (แบล็คเบิร์น) : "มันไร้สาระมากที่คิดว่าหลังจากพวกเขาแพ้ในสองนัดก่อนแล้วจะฟอร์มตก พวกเขาเป็นทีมที่ได้รับการยกย่องว่าดีที่สุดในพรีเมียร์ ลีกก่อนที่จะลงเตะสองนัดนั้น ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่พวกเขาอยู่ในช่วงฟอร์มกำลังเข้าฝัก"

     เบรนแดน ร็อดเจอร์ส (ลิเวอร์พูล) : "การเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศและคว้าแชมป์ถ้วยนี้เป็นสิ่งที่เราต้องการ ถ้วยเอฟเอ คัพ เป็นวัตถุประสงค์หลักของเราอยู่เสมอ"

ฟอร์มการเล่น

     เจ้าบ้านแบล็คเบิร์นฟอร์มไม่สู้ดีนัก 5 นัดหลังสุดในบ้านพวกเขาแพ้ถึง 3 ครั้ง เอาชนะได้แค่นัดเดียวเท่านั้น สวนทางกับฟอร์มนอกบ้าน 5 นัดหลังที่เอาชนะได้ถึง 3 ครั้ง ทางด้านลิเวอร์พูลหลังจากพ่ายแพ้ในศึกแดงเดือดจนเสียสถิติไม่แพ้ใครกว่า 3 เดือน ฟอร์มยังกู่ไม่กลับ บุกไปเสียท่าโดนอาร์เซนอลถล่มยับถึง 4-1 ต้องรอดูกันว่าจะคืนฟอร์มเก่งได้หรือไม่ในนัดนี้

ประวัติการพบกัน

     ทั้งสองทีมเคยโคจรมาพบกันในศึกเอฟเอคัพทั้งหมด 4 ครั้ง ครั้งแรกคือวันที่ 5 มกราคม 2011 ทั้งสองทีมเสมอกันไป 1-1 ที่อีวู้ด ปาร์ค ครั้งที่สองคือนัดรีเพลย์ในอีก 3 วันต่อมาลงเตะกันที่แอนฟิลด์ ลิเวอร์พูลเป็นฝ่ายเอาชนะไปได้ถึง 3-0 ครั้งที่สามเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 10 มกราคม 2000 คราวนี่เป็น "กุหลาบไฟ" เฉือนชนะไป 1-0 และครั้งที่สี่ก็คือนัดล่าสุดที่เสมอกันไป 0-0 ที่แอนฟิลด์

รายชื่อนักเตะที่คาดว่าจะลงสนาม

 

แบล็คเบิร์น (4-4-2) : เจสัน สตีล - มาร์คุส โอลส์สัน, แมธธิว คิลกัลลอน, แกรนท์ แฮนลีย์, อดัม เฮนลีย์ - เคร้ก คอนเวย์, ลี วิลเลียมสัน, คอร์รี่ อีแวนส์, ทอม แคร์นีย์ - รูดี้ เกสเตด, จอร์แดน โร้ดส์

ลิเวอร์พูล (3-4-2-1) : ซิมง มิโญเล่ต์ - เอ็มเร่ ชาน, เดยัน ลอฟเรน, มามาดู ซาโก้ - อัลเบร์โต้ โมเรโน่, ลูคัส เลว่า, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, ลาซาร์ มาร์โควิช - อดัม ลัลลาน่า, ราฮีม สเตอร์ลิ่ง - มาริโอ บาโลเตลลี่

ทรรศนะ Siamliverpool

     เจ้าบ้าน แบล็คเบิร์น ยังคงประสบกับปัญหาผู้เล่นบาดเจ็บหลายคน ซึ่งก็หมายความว่าสภาพทีมไม่ค่อยสมบูรณ์เอาซะมากๆ แต่นัดล่าสุดในเกมลีกก็ยังสามารถบุกไปเอาชนะ ลีดส์ ได้ 3-0 ต่างกลับลิเวอร์พูลที่กำลังอยู่ในช่วงฟอร์มตก หลังจากแพ้ในศึกแดงเดือด ก็เพิ่งแพ้ให้กับ อาร์เซนอล ไปเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา โอกาสจบอันดับท็อป 4 ดูจะเลือนลางไปเรื่อยๆ แต่สภาพทีมของ "หงส์แดง" ดูยังไงก็พร้อมกว่าเจ้าบ้าน แถมฟอร์มในบ้านของ "กุหลาบไฟ" ไม่สู้ดีนัก แพ้ถึง 3 จาก 5 นัดหลังสุด เชื่อว่านัดนี้ลิเวอร์พูลจะบุกไปเฉือนชนะ ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศได้สำเร็จ

ฟันธง : ลิเวอร์พูล ชนะ 1-0

ADS