หน้าแรก / ข่าวลิเวอร์พูล / ถ้าคุณเป็น "ร็อดเจอร์ส" อยากทำอะไรในตอนนี้?

ถ้าคุณเป็น "ร็อดเจอร์ส" อยากทำอะไรในตอนนี้?

ถ้าคุณเป็น ร็อดเจอร์ส อยากทำอะไรในตอนนี้?

ถ้าคุณเป็น "ร็อดเจอร์ส" อยากทำอะไรในตอนนี้?

          หลังจากจบเกมสุดอับอายด้วยการพ่ายแพ้ให้กับ อาร์เซน่อล แบบหมดรูป 1-4 ทำให้ผมมีคำถามขึ้นมากมายว่าทำไมถึงเกิดความผิดพลาดมากขนาดนี้และการเสียถึงสี่ประตูในเกมเดียวมันเกิดอะไรขึ้น หากนับรวมกับเกมก่อนหน้าที่พ่าย แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1-2 อีก นั่นหมายความว่าเกมรับของ "หงส์แดง" ที่โดนเจาะถึง 6 ลูกเลยทีเดียว ซึ่งหากผมได้มีโอกาสได้นั่งแท่นกุนซือผมจะทำ...

 


 

1. เลิกซะ!...บอลโยนจากริมเส้น

          จากหลาย ๆ เกมที่ผ่านมา จะเห็นว่าเกมริมเส้นของ ลิเวอร์พูล ก็ไม่ได้ขี้ริ้วชี้เหร่อะไรนัก แถมยังดูดีกว่าทีมอื่น ๆ ในระดับเดียวกันอีกด้วยซ้ำ แต่ปัญหาเดียวของ "หงส์แดง" ก็คือความแม่นยำในการครอสบอลเข้ากลาง ในขณะที่ผู้เล่นที่รออยู่ในกรอบเขตโทษก็มีแต่พวกตัวเล็ก ๆ ทั้งนั้น คงจะไปเบียดสู้ลูกกลางอากาศกับกองหลังแข็ง ๆ ของคู่แข่งลำบาก เพราะฉะนั้นโอกาสที่ลูกบอมบ์จากริมเส้นซ้าย-ขวาของ ลิเวอร์พูล จะทำอันตรายข้าศึกได้คงน้อยนิดเหลือเกิน และทำไมไม่ลองเปลี่ยนมาเลี้ยงเจาะจากริมเส้นเข้ามาแทน

 


 

2. อย่ามากจังหวะ...จนหมดโอกาส

          แน่นอนว่าสูตรสำหรับของการเล่นฟุตบอลที่ดีต้องใช้โอกาสไม่เปลืองและจังหวะเซตเกมที่ไม่ต้องมากมายนัก เพราะการที่เรามัวแต่เซตเกมสวย ๆ เจาะเข้าทำนั้น ส่งผลให้ผู้เล่นของคู่แข่งสามารถลงมาประจำการในเกมรับกันได้ทัน และโอกาสที่เราจะทำเกมทะลุทะลวงเหมือนกับพวกทีมที่มีสตาร์ระดับโลกคงจะเป็นไปได้ยาก ซึ่งหลายครั้งก็มักจะใช้การจ่ายทะลุช่องและทำชิ่งหนึ่ง-สองผ่านแนวรับของคู่แข่ง แต่สำหรับ ลิเวอร์พูล แล้ว มันมักไม่สวยหรูเหมือนที่คิดไว้ทุกครั้งแน่นอน จนบางทีเราเองยังรู้สึกว่าการคืนหลังไปเริ่มกันใหม่เป็นเรื่องธรรมดาไปแล้ว

 


 

3. ความเร็วมีไว้ทำไม ?

          เชื่อว่าแฟนบอลหลายคนรวมถึงแฟน ๆ ของทีมอื่นคงคิดว่า "นักเตะของ ลิเวอร์พูล มีแต่พวกความเร็วจัด ๆ ทั้งนั้นเลย ไม่ว่าจะเป็น สเตอร์ริดจ์ สเตอร์ลิง คูตินโญ่ มาร์โควิช" แล้วทำไมไม่ใช้ให้เป็นประโยชน์ จริงอยู่ที่ฟุตบอลสมัยนี้แค่เร็วอย่างเดียวคงไม่พอ ต้องแข็งแกร่งและมีประสิทธิภาพด้วย แต่สิ่งที่เราเห็นในหลาย ๆ เกม พวกเขามักจะเติมขึ้นมากันไม่ทันและในเมื่อมันไม่ทันก็ต้องชะลอเกมเพื่อรอเพื่อนขึ้นมาเติม ซึ่งนั่นก็ทำให้กองหลังของคู่แข่งลงมารับได้ทัน (กลับไปดูข้อ 2 ได้) ในสถานการณ์ได้เปรียบผู้เล่น 3-3 หรือ 4-3 ทำไมไม่ใช้ความเร็วให้เป็นประโยชน์กันนะ ในเมื่อเราเป็นทีมที่ขึ้นชื่อเรื่องสปีดบอลที่สุดแล้ว

 


 

4. แนวรับเหนือชั้น...เพื่อ ?

          เชื่อว่าการมีกองหลังที่เทคนิคดีและสามารถเอาชนะกองหน้าของคู่แข่งได้ บวกกับการเอาตัวรอดในสถานการณ์บีบบังคับได้เป็นเรื่องที่ดี แต่บางครั้งแนวรับของ "หงส์แดง" มักจะเล่นท่ายาก หรือต่อบอลกันหน้ากรอบเขตโทษตัวเอง ซึ่งมีความเสี่ยงสูงที่จะพลาดกันได้ และเป็นที่มาของการเสียประตูในช่วงหลัง ถ้าสังเกตดี ๆ จะเห็นว่า ลิเวอร์พูล มักจะโดนยิงจากจังหวะจ่ายบอลพลาดกันเองในแดนตัวเอง โดยเฉพาะจากหลังไปกลาง ซึ่งหากโดนคู่แข่งเพรสซิ่งสูง ๆ ก็ยิ่งลนจนจ่ายบอลกันมั่ว บางทียังคิดว่าทำไมไม่เคลียร์บอลยาวขึ้นหน้าไปเลย ดีกว่าโชว์เหนือจนพลาดแบบนี้

 


 

5. หมด สเตอร์ริดจ์ หมดความน่ากลัว

          ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าการมี แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ อยู่ในสนามสามารถสร้างความน่ากลัวให้กับแนวรับคู่แข่งได้มากกว่าการใช้ สเตอร์ลิง หรือแม้กระทั่ง บาโลเตลลี่ ด้วยซ้ำ ซึ่งในยามที่ไร้ "เทพหริด" ก็ทำให้พิษสงของ ลิเวอร์พูล ลดลงไปด้วยเช่นกัน หากไม่มีการแก้ไขในจุดนี้ด้วยการหาตัวป่วนกองหลังมาเพิ่ม เชื่อว่าไม่นานก็คงไม่มีใครกลัว "เครื่องจักรสีแดง" นี้อีกแล้ว นับเป็นความผิดพลาดร้ายแรงในการเสริมทัพฤดูกาลนี้ แต่ก็คงจะไม่กล่าวโทษใครเพราะการดึงตัวนักเตะเข้ามาย่อมมีความเสี่ยงสูงที่มันจะไม่เป็นอย่างที่ตั้งใจไว้ และหากเป็นผมก็คงต้องลองเสี่ยงกับพวก บอรินี่ กับ แลมเบิร์ต ดูนะ เพื่อว่าความกระหายในการลงเล่นจะทำให้พวกเขากลับมาคืนฟอร์มเก่งได้

 


 

6. กระตุ้นลูกทีม

          จุดนี้สำคัญที่สุดในการคุมทีม และแน่นอนว่าการออกมายืนกระตุ้นลูกทีมอยู่ข้างสนามเป็นสิ่งที่ช่วยให้ทีมสามารถดึงศักยภาพออกมาได้เยอะ ไม่เชื่อลองมองดูทีมชาติไทยภายใต้การคุมทีมของ "ซิโก้" เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ที่จะออกมากระตุ้นลูกทีมและยืนลุ้นลูกทีมในทุก ๆ จังหวะ เพื่อแสดงให้เห็นว่า "ผมเองก็สู้ไปพร้อมกับ 11 คนในสนามเหมือนกัน และไม่ได้ปล่อยให้พวกเขาออกไปสู้กันอย่างโดดเดี่ยว" ซึ่งในเวทีพรีเมียร์ลีกก็มีกุนซือหลายคนทำแบบนี้ไม่ว่าจะเป็น โรเบร์โต้ มาร์ติเนซ ของเอฟเวอร์ตัน หรือ โทนี่ พูลิส ของเวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน และหากผมได้เป็นกุนซือ "หงส์แดง" คงจะออกไปยืนลุ้นกับลูกทีมตลอด 90 นาทีแน่นอน พร้อมทั้งตะโกนสั่งการลูกทีมว่า "เอาหน่อยเว้ย..."

 


 

***** จากที่กล่าวมาทั้งหมดนั้นเป็นเพียงความเห็นส่วนตัวของผมเองและอยากให้ผลงานของทีมออกมาดีกว่านี้ ไม่จำเป็นต้องเล่นให้ได้ตามมาตรฐานตลอด 90 นาที แต่ขอให้สู้และทำเต็มที่ในส่วนของตัวเองก็พอ

ADS