หน้าแรก / ข่าวลิเวอร์พูล / สอบตก(เกือบ)ยกชุด! ผลคะแนนแข้งหงส์หลังเกมแดงเดือด

สอบตก(เกือบ)ยกชุด! ผลคะแนนแข้งหงส์หลังเกมแดงเดือด

สอบตก(เกือบ)ยกชุด! ผลคะแนนแข้งหงส์หลังเกมแดงเดือด

สอบตก(เกือบ)ยกชุด! ผลคะแนนแข้งหงส์หลังเกมแดงเดือด

          เชื่อว่าเช้าวันที่ 23 มีนาคม 2558 สาวก "เดอะ ค็อป" คงไม่อยากจะเสวนากับใครเลย และมั่นใจเลยว่าคนรอบ ๆ ตัวของคุณคงจะพูดคุยเกี่ยวกับเกมนี้ไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็นการยิงสุดสวยของ ฆวน มาต้า หรือใบแดงเปลี่ยนเกมของ สตีเว่น เจอร์ราร์ด แน่นอนว่าศึกแดงเดือดหนนี้จะเป็นที่พูดถึงไปอีกนาน คราวนี้เราจะไปดูกันว่านักเตะ "หงส์แดง" คนใดที่ฟอร์มดี และแข้งรายใดที่ฟอร์มแย่ ไปดูกัน!!!!

ตัวจริง

ซิมง มิโญเล่ต์ - 7 (คะแนนเต็ม 10)

          เป็นนักเตะเพียงคนเดียวในเกมนี้ที่เล่นได้ดีที่สุดในทีม แม้ว่าเขาจะไม่สามารถป้องกันประตูได้ทั้งสองลูก (ต้องชื่นชมคนยิงมากกว่า) แต่โดยรวมแล้วก็ถือว่านายด่านเบลเยี่ยมคนนี่ไม่มีอะไรพลาด แถมยังเซฟจุดโทษของ เวย์น รูนี่ ในช่วงท้ายเกมได้อีกด้วย ทำให้ "หมูรูน" ยังไม่สามารถยิงประตูที่แอนฟิลด์ ได้เลยยาวนานกว่า 10 ปี

เอ็มเร่ ชาน - 5.5

Football - FA Premier League - Liverpool FC v Manchester United FC

          ดาวเตะวัย 21 ปียังอ่อนประสบการณ์ในศึกแดงเดือดอยู่มากพอสมควร ซึ่งเราจะเห็นได้จากอาการเกร็งที่เกิดขึ้น ทำให้การออกบอลและพาบอลไปกับตัวค่อนข้างทำได้ต่ำกว่ามาตรฐาน อีกทั้งเกมนี้ต้องเผชิญหน้ากับ มารูยาน เฟลไลนี่ แทบทั้งเกม ซึ่งแทบจะเป็นรองเกือบทุกด้านเลยก็ว่าได้ ทั้งลูกหนักและจังหวะกลางอากาศ แถมเขายังมีส่วนกับการเสียลูกจุุดโทษในช่วงท้ายเกมอีกด้วย

มาร์ติน สเคอร์เทล - 6

          ปราการหลังสโลวาเกียต้องพบกับศึกหนักสองด้าน ทั้ง มารูยาน เฟลไลนี่ และ เวย์น รูนี่ ทำเอาหัวหมุน 360 องศา แต่ยังดีที่เกมนี้เขาไม่มีจังหวะผิดพลาดจนเสียหายมากเท่าไหร่ เพราะบทบาทที่ต้องรับผิดชอบเกมรับตัวกลางยังสามารถเอาชนะเกมรุกของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้หลายจังหวะ

มามาดู ซาโก้ - 6.5

          เป็นหนึ่งในนักเตะที่น่าจะได้รับการชื่นชมที่สุดในแผงเกมรับสำหรับ "พี่มืด" มามาดู ซาโก้ เพราะนอกจากจะสามารถจัดการเกมรุกของคู่แข่งได้แล้ว เขายังมีสถิติออกบอลแม่นยำสูงที่สุดในทีมถึง 89.8% อีกด้วย แม้ว่าจะเป็นตำแหน่งเซ็นเตอร์ฮาล์ฟก็ตาม แต่การออกบอลที่แม่นยำก็เป็นสิ่งจำเป็นเหมือนกัน หวังว่าเกมหน้าจะสามารถรักษามาตรฐานต่อไปได้เรื่อย ๆ

ราฮีม สเตอร์ลิง - 5

          เจ้าหนู สเตอร์ลิง คงต้องย้อนกลับไปมองตัวเองใหม่อีกครั้ง หลังจากที่ครึ่งแรกไม่สามารถทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันได้เลย ทั้งเกมรับ (ที่ไม่ถนัด) และเกมรุกที่แทบจะไม่มีโอกาสได้ปาดเข้ากลาง หรือแม้กระทั่งกระชากลากเลื้อยเลย กลายเป็นนักเตะเยาวชนพื้น ๆ คนหนึ่งไปเลยในเกมนี้

จอร์แดน เฮนเดอร์สัน - 6

LIVERPOOL, ENGLAND - Sunday, March 1, 2015: Liverpool's captain Jordan Henderson in action against Manchester City during the Premier League match at Anfield. (Pic by David Rawcliffe/Propaganda)

          ว่าที่กัปตันทีมรายนี้โชว์ฟอร์มได้ดีมากโดยเฉพาะครึ่งหลัง ซึ่งในช่วงครึ่งแรกแทบจะไม่มีโอกาสได้เล่นบอลเลยด้วยซ้ำ เพราะแดนกลางของ ลิเวอร์พูล เป็นรองอยู่มาก แต่พอเข้าสู่ช่วงท้ายครึ่งแรกยาวจนจบเกม จะเห็นว่าเขาเป็นนักเตะที่ทุ่มเทที่สุดในแผงกลางของ ลิเวอร์พูล ทั้งการไล่บอลและสกัดบอล โดยรวมถือว่าทำได้ดีถึงแม้ว่าจะมีส่วนกับเกมรุกน้อยก็ตาม

โจ อัลเลน - 5.5

          หนึ่งในนักเตะที่ปิดทองหลังพระตลอดในช่วงหลัง เป็นตัวตายตัวแทนของ ลูคัส เลว่า ได้เลย เพราะนอกจากเกมรับที่ขยันตัดเกมแล้ว เขายังมีโอกาสได้ผ่านบอลสวย ๆ สร้างความไหลลื่นในช่วง ลิเวอร์พูล กำลังไล่ล่าประตู แต่ปัญหาของเขาในเกมนี้ก็คือการรับมือกับ มารูยาน เฟลไลนี่ อีกแล้วครับท่าน ลองคิดดูว่ายักษ์กับเด็กเข้าปะทะกันจะเป็นอย่างไร

อัลเบร์โต้ โมเรโน่ - 4

          แม้ว่าเกมรุกจะมีจังหวะสวย ๆ ให้แฟนบอลได้ลุ้นเสียวบ้าง แต่เกมรับเป็นจุดอ่อนสำคัญทำให้ทีมเสียสองประตูจาก ฆวน มาต้า ซึ่งบริเวณนั้นเป็นเขตรับผิดชอบของเขาด้วย จึงไม่แปลกใจที่เขาจะมีคะแนนเพียงแค่ 4 แต้มเท่านั้น

อดัม ลัลลานา - 4

          หลายฝ่ายอาจมองว่าเขาเล่นได้ดีในเกมนี้ แต่ก็มีหลายเสียงที่เห็นตรงกันว่า ร็อดเจอร์ส ทำถูกแล้วในการเปลี่ยนตัวเขาออกในช่วงต้นครึ่งหลัง เพราะนอกจากจะไม่สามารถป่วนเกมรับของ "ปีศาจแดง" ได้แล้ว ยังแทบจะไม่มีส่วนร่วมกับเกมเลยด้วยซ้ำ แต่ก็ยังไม่แย่ไปทั้งหมด เมื่อเขาเกือบทำประตูให้ทีมได้จากการแปบอลด้วยซ้าย บอลพุ่งออกหลังชนิดที่ ดาบิด เด เกอา ยืนเซฟด้วยสายตาแล้ว

ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ - 6

          เพลย์เมกเกอร์บราซิเลี่ยนรายนี้เป็นหนึ่งในนักเตะที่โชว์ฟอร์มได้แจ่มในเกมนี้ เป็นดั่งแม่ทัพในเกมรุกของ ลิเวอร์พูล แม้ว่าเจ้าตัวจะพยายามลองยิงไกลอยู่สองสามครั้ง ซึ่งก็ถือว่าได้ลุ้นอยู่เหมือนกัน และจากการสำรวจแฟน ๆ ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หลังเกมแล้ว พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเขาเป็นตัวอันตรายที่สุดของทีมในเกมนี้

แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ - 5

LIVERPOOL, ENGLAND - Sunday, March 22, 2015: Liverpool's Daniel Sturridge scores the first goal against Manchester United during the Premier League match at Anfield. (Pic by David Rawcliffe/Propaganda)

          หากไม่นับจังหวะยิงประตูไล่ตีตื้นเพียงครั้งเดียวนั้น ก็แทบจะไม่มีบทบาทในเกมรุกของ ลิเวอร์พูล สักเท่าไหร่ จะเรียกว่ามาเงียบ ๆ ไปเงียบ ๆ เลยก็คงไม่ผิด และดูเหมือนว่าดาวยิงวัย 25 ปีรายนี้จะไม่สามารถเอาชนะ ฟิล โจนส์ กองหลังของคู่แข่งได้เลยด้วยซ้ำ หวังว่าเกมหน้ากับ อาร์เซน่อล จะมีทีเด็ดมากกว่านี้ ไม่อย่างนั้นแฟนบอลได้ลุ้นเหนื่อยอีกแน่

ตัวสำรอง

สตีเว่น เจอร์ราร์ด - ไม่มีคะแนน (ลงสนามแทน อดัม ลัลลานา ในนาทีที่ 46)

LIVERPOOL, ENGLAND - Sunday, March 22, 2015: Liverpool's captain Steven Gerrard reacts after being fouled by Manchester United's Ander Herrera, but is amazingly shown the red card by referee Martin Atkinson during the Premier League match at Anfield. (Pic by David Rawcliffe/Propaganda)

          ส่วนตัวอยากจะให้คะแนนติดลบเลยด้วยซ้ำ เพราะนอกจากจะไม่ช่วยให้ทีมสร้างสรรค์โอกาสแล้ว ยังทำให้ทีมต้องเหลือ 10 คนจากจังหวะควบคุมอารมณ์ไม่อยู่และไปย่ำใส่ อันเดร์ เอร์เรร่า จนถูกผู้ตัดสินชักใบแดงไล่ออกจากสนามไปแบบช็อคแฟน ๆ หลังจากลงสนามได้ไม่ถึงนาที

มาริโอ บาโลเตลลี่ - 5 (ลงสนามแทน อัลเบร์โต้ โมเรโน่ ในนาทีที่ 66)

Football - FA Premier League - Liverpool FC v Manchester United FC

          ทำให้ทีมเหมือนมี 9 ตัวชัด ๆ หลังจากที่ทีมต้องเหลือ 10 ตัว ซึ่งการลงสนามของ บาโลเตลลี่ นอกจากจะเล่นได้อย่างขี้เกียจแล้ว ยังแทบจะไม่มีส่วนร่วมกับทีมเลยด้วยซ้ำ ทั้งการยิงประตูหรือแม้กระทั่งการสร้างสรรค์โอกาส

ผู้จัดการทีม

เบรนแดน ร็อดเจอร์ส - 6

LIVERPOOL, ENGLAND - Sunday, March 22, 2015: Liverpool's manager Brendan Rodgers reacts after captain Jordan Henderson is fouled by Manchester United's Phil Jones during the Premier League match at Anfield. (Pic by David Rawcliffe/Propaganda)

          แม้ว่าแทคติกของ ร็อดเจอร์ส อาจจะพลาดไปสักนิดในครึ่งเวลาแรก แต่พอกลับมาในครึ่งหลังก็เริ่มทรงดีขึ้น และไม่รู้ว่าเป็นที่แทคติกหรือแรงฮึดของนักเตะก็ยังไม่รู้ แต่ที่แน่ ๆ การเปลี่ยนตัว อดัม ลัลลานา ออกทำให้เกมพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือเลยทีเดียว อย่างไรก็ดี ร็อดเจอร์ส ยังรู้เท่าทันด้วยการปรับมาใช้ระบบ 4-4-1 ได้ทันเวลาและทำให้ทีมเริ่มจะกลับมาทรงดีอีกครั้ง จนทำให้ทีมกดดันคู่แข่งซึ่งนำมาสู่ประตูตีตื้น โดยรวมถือว่าไม่น่าเกลียดมากนัก

ADS