หน้าแรก / ข่าวลิเวอร์พูล / เกรดออกแล้ว! ผลสอบแข้ง "หงส์" หลังเกมเชือด "ซิตี้" 2-1

เกรดออกแล้ว! ผลสอบแข้ง "หงส์" หลังเกมเชือด "ซิตี้" 2-1

เกรดออกแล้ว! ผลสอบแข้ง หงส์ หลังเกมเชือด ซิตี้ 2-1

เกรดออกแล้ว! ผลสอบแข้ง "หงส์" หลังเกมเชือด "ซิตี้" 2-1

          สามแต้มล่ำค่ายิ่งกว่าทองฝั่งเพชร สำหรับการเปิดบ้านเอาชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 2-1 จากสองประตูชัยของ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน และ ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ ซึ่งหลังจบเกมทำเอาแฟน ๆ "เดอะ ค็อป" ได้ยิ้มยึดอกกันเป็นแถว ๆ นอกจากนี้ยังทำให้ ลิเวอร์พูล ขยับเข้าใกล้พื้นที่ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก มากขึ้น เหลือเพียงไม่กี่แต้มเท่านั้น คราวนี้เราจะไปดูกันว่าผลงานของเหล่าบรรดา "หงส์แดง" ในเกมสุดพิเศษนี้จะเป็นอย่างไรกันบ้าง ?

ตัวจริง

ซิมง มิโญเล่ต์ - 7 (คะแนนเต็ม 10)

          นายด่านชาวเบลเยี่ยม ไม่ต้องเจอกับงานหนักมากนักในเกมนี้ เพราะสไตล์การเล่นของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไม่เน้นการโจมตีจากลูกกลางอากาศสักเท่าไหร่ นั่นทำให้ มิโญเล่ต์ แทบจะไม่มีจังหวะพลาดให้เห็นเลย

เอ็มเร่ ชาน - 7.5

Emre Can Liverpool

          นักเตะสารพัดที่ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ชอบเป็นพิเศษ โดยเกมนี้เขาได้กลับลงไปเล่นเป็นเซ็นเตอร์แบ็คอีกครั้ง หลังจากเกมกลางสัปดาห์รับบทบาทเป็นมิดฟิลด์ตัวรับ ซึ่ง ชาน ก็โชว์ฟอร์มได้ดีไม่มีผิดหวังตามคาด เรียกว่าลูกหนักลูกเบาทำได้หมด ทำให้ผู้เล่นตัวรุกของ "เรือใบสีฟ้า" ไม่สามารถเจาะเข้าทำแบบเน้น ๆ ได้เลย

มาร์ติน สเคอร์เทล - 7.5

0768__2691__dressing1.jpg

          เป็นอีกหนึ่งเซ็นเตอร์ฮาล์ฟที่ทำผลงานได้ยอดเยี่ยมสม่ำเสมอตลอดระยะหลังมานี้ ซึ่งปราการหลังสโลวาเกียรายนี้ สามารถรับมือกับทั้ง เอดิน เชโก้ และ เซร์กิโอ อเกวโร่ ได้อยู่หมัด แม้ว่าจะมีจังหวะประกบพลาดเล็กน้อยจนทำให้ทีมเสียประตูตีเสมอ แต่โดยรวมถือว่าโอเคไม่เสียหายอะไรนัก

เดยัน ลอฟเรน - 7

          กองหลังโครเอเชียวัย 25 ปี ต้องเผชิญกับงานหนักในช่วง 20 นาทืแรกจากตำแหน่งเซ็นเตอร์ตัวซ้าย แต่พอหลังจากนั้นก็สามารถปรับตัวและเล่นเกมรับได้ดีตามมาตรฐาน ทั้งจังหวะภาคพื้นและลูกกลางอากาศ แม้ว่าช่วงท้ายเกมจะมีหลุด ๆ บ้างก็ตาม

ลาซาร์ มาร์โควิช - 6.5

          ไอ้หนุ่มผมยาวชาวเซิร์บลงเล่นในตำแหน่งวิงแบ็คฝั่งขวา ซึ่งเจ้าตัวบอกหลังเกมว่านี่จะเป็นบทบาทใหม่ที่ท้าทายและสนุกกว่าที่เคยเล่นมา โดยเกมนี้เขายังเจอกับปัญหาใหญ่อย่าง อเล็กซานเดอร์ โคลารอฟ ที่ประจำการอยู่ในเกมรับฝั่งซ้ายของ "ซิตี้" และดูเหมือนว่าความเก๋าของ โคลารอฟ ยังเหนือกว่าเยอะ ทำให้ มาร์โควิช ไม่สามารถปล่อยของออกมาได้เท่าที่ควร

จอร์แดน เฮนเดอร์สัน - 8

LIVERPOOL, ENGLAND - Sunday, March 1, 2015: Liverpool's captain Jordan Henderson in action against Manchester City during the Premier League match at Anfield. (Pic by David Rawcliffe/Propaganda)

          กัปตันทีม "หงส์แดง" ยังคงรักษามาตรฐานฟอร์มการเล่นที่ดีได้อย่างต่อเนื่อง เรียกว่าครบเครื่องเลยก็ว่าได้ ทั้งยิงทั้งจ่ายทั้งไล่บอล และทำให้จอมทัพอย่าง ยาย่า ตูเร่ ถึงกับไปไม่เป็นเลยในเกมนี้ ซึ่งสิ่งที่ทำให้แฟนบอลอย่างเรา ๆ ยิ้มได้ก็คือจังหวะซัดสุดสวยขึ้นนำของ "เฮนโด้" ที่ไม่คิดว่าจะออกมาสวยงามแบบนี้

โจ อัลเลน - 8.5

          เกือบจะได้เป็น "แมนอ็อฟเดอะแมตช์" อยู่แล้วเชียว สำหรับมิดฟิลด์ร่างเล็กรายนี้ เพราะเขามีส่วนช่วยให้เกมแดนกลางของ ลิเวอร์พูล เล่นได้ไหลลื่นและง่ายขึ้น ในขณะที่แผงกลางของ "เรือใบสีฟ้า" ต้องพบกับงานหนักเอาเรื่องเลย เชื่อว่าเกมนี้น่าจะอยู่ในความทรงจำของเจ้าตัวไปอีกนานแน่นอน เพราะเล่นดีชนิดสวนกระแสเสียงวิพากษ์วิจารณ์ไปเลยทีเดียว

อัลเบร์โต้ โมเรโน่ - 7.5

0768__2691__dressing1.jpg

          เจ้าหนูวิงแบ็คซ้ายชาวสเปน ทำหน้าที่ในตำแหน่งที่รับผิดชอบได้ดีมากขึ้นจากเกมก่อน ๆ เยอะ แม้ว่าจะต้องเผชิญหน้ากับเหล่าบรรดาแข้งเทพก็ตาม แต่ โมเรโน่ ก็ยังใช้ความสามารถบวกแรงขยันเอาชนะ ปาโบล ซาบาเลต้า ได้เกือบตลอด และช่วยให้ทีมไม่ต้องเจอกับเกมรุกริมเส้นมากนัก

อดัม ลัลลานา - 8

0768__2691__dressing1.jpg

          เป็นอีกหนึ่งนักเตะที่เล่นได้ดีไม่แพ้ใคร และแม้ว่าเจ้าตัวจะส่งบอลเข้าสู่ก้นตาข่ายได้ถึง 2 หน ซึ่งก็ไม่เป็นประตูทั้งสองครั้ง แต่โดยรวมแล้วตลอดทั้งเกมเขาเล่นได้ยอดเยี่ยม และคอยประสานงานเกมรุกจากกลางไปหน้าได้เป็นอย่างดี มองดูแล้วจังหวะการเล่นเดิม ๆ เหมือนสมัยค้าแข้งกับ เซาท์แฮมป์ตัน เริ่มจะกลับมาจนเกือบจะสมบูรณ์แบบแล้ว

ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ - 9.5

0768__2691__dressing1.jpg

          คงต้องมอบรางวัล "แมนอ็อฟเดอะแมตช์" ให้กับ คูตินโญ่ ไปเลยในเกมนี้ เพราะนอกจากจะรับบทเป็นฮีโร่ซัดประตูชัยให้กับทีมแล้ว ก็ยังทำหน้าที่ในเกมรุกได้อย่างไม่มีผิดพลาด ทั้งการเคลื่อนที่, การสร้างสรรค์เกม และการเพรสซิ่ง ทุกอย่างออกมาลงตัวสุด ๆ แม้ว่ารูปร่างอาจจะไม่ได้สูงใหญ่มากนัก แต่เกมนี้สามารถบดสู้กับนักเตะแนวรับของ "ซิตี้" ไม่เป็นรองเลยทีเดียว

ราฮีม สเตอร์ลิง - 7.5

0768__2691__dressing1.jpg

          ดูเหมือนการเล่นเป็นหัวหอกตัวเป้า คงจะไม่เหมาะสำหรับเขาจริง ๆ เพราะจากสิ่งที่ได้เห็นในเกม สเตอร์ลิง แทบจะไม่มีจังหวะได้ซัดเหน่ง ๆ เลย แม้ว่าจะมีบางโอกาสที่ได้ลองลากเลื้อยเข้าทำบ้าง แต่บอลจังหวะสุดท้ายก็ยังไม่สามารถสร้างประโยชน์ให้กับทีมได้เต็มที่ เกมนี้โชคดีที่ทั้งองค์ประกอบในทีมเล่นกันได้ดี จึงทำให้ความกดดันไม่มากและมีจังหวะผิดพลาดน้อยพอสมควร

ตัวสำรอง

แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ - 7 (ลงสนามมาแทน ลาซาร์ มาร์โควิช ในนาทีที่ 76)

          แม้ว่าในเกมนี้จะไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน แต่การลงสนามของเขาเรียกเสียงเชียร์และความตื่นเต้นให้กับแฟน ๆ ได้เยอะเลยทีเดียว ทั้งโอกาสที่ได้ยิงเดี่ยว ๆ หรือจังหวะกดไปติดเซฟของ โจ ฮาร์ท ซึ่งถือว่าความเป็นสัญชาตญานกองหน้ายังพอไว้ใจได้ และดีกว่าใช้ ราฮีม สเตอร์ลิง ที่เล่นเป็นหน้าเป้าหลายเท่าตัว ดูเหมือนเวลาแค่ 15 นาทีคงจะไม่เพียงพอในการเปิดสกอร์ของเขา

โคโล ตูเร่ - ไม่มีคะแนน (ลงสนามมาแทน อัลเบร์โต้ โมเรโน่ ในนาทีที่ 82)

          สำหรับกองหลังดีกรีแชมป์ แอฟริกัน เนชั่นส์ คัพ แล้ว การลงสนามในเกมใหญ่ ๆ ไม่สร้างแรงกดดันให้เขาแม้แต่น้อย และยังทำหน้าที่ในเวลาที่ได้รับเพียงไม่กี่นาทีได้อย่างไม่มีข้อผิดพลาด

ผู้จัดการทีม

เบรนแดน ร็อดเจอร์ส - 7.5

ISTANBUL, TURKEY - Thursday, February 26, 2015: Liverpool's manager Brendan Rodgers during the UEFA Europa League Round of 32 2nd Leg match against Besiktas JK at the Ataturk Olympic Stadium. (Pic by David Rawcliffe/Propaganda)

          ยังคงเป็นกุนซือที่เชื่อขนมกินได้อยู่เสมอ หากลงสนามพบทีมใหญ่ ๆ เนื่องจากแทคติกที่เน้นรัดกุมและไม่ปล่อยให้คู่แข่งมีพื้นที่ในการทำเกมมากนัก เล่นเอาเหล่าบรรดาแข้ง "เรือใบสีฟ้า" ถึงกับอึดอัดและแทบจะหาจังหวะต่อบอลสวย ๆ ไม่ได้เลย อีกทั้งการใช้ระบบ 3-4-3 ดูจะเป็นสูตรสำเร็จของ ลิเวอร์พูล ยาวไปจนจบฤดูกาลนี้แน่นอน ส่วนเรื่องการเปลี่ยนตัวในเกมนี้ไม่ถือว่าผิดพลาดอะไรนัก เพียงแต่มีคำถามเล็กน้อยว่าทำไมถึงเปลี่ยน ลาซาร์ มาร์โควิช ที่น่าจะฟิตกว่าคนอื่นออก ซึ่งคำตอบที่ได้น่าจะเป็นเรื่องฟอร์มการเล่นที่เริ่มจะเงียบไปในท้ายครึ่งหลังนั่นเอง โดยรวมเกมนี้ไม่มีอะไรให้น่าเป็นห่วงสำหรับเก้าอี้กุนซือ

ADS