หน้าแรก / ข่าวลิเวอร์พูล / เจาะลึกจับติ้วเอฟเอคัพรอบ 6 ของ "หงส์แดง"

เจาะลึกจับติ้วเอฟเอคัพรอบ 6 ของ "หงส์แดง"

เจาะลึกจับติ้วเอฟเอคัพรอบ 6 ของ หงส์แดง

เจาะลึกจับติ้วเอฟเอคัพรอบ 6 ของ "หงส์แดง"

          หลังจากที่ ลิเวอร์พูล สามารถเอาชนะ คริสตัล พาเลซ ไปได้อย่างสนุกสูสีในรอบ 5 หรือรอบ 16 ทีมสุดท้ายเมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา ทำให้ทีมผ่านเข้ารอบต่อไป และต้องรอลุ้นผลการจับสลากในค่ำคืนวันจันทร์ที่ 16 กุมภาพันธ์ 2015 ซึ่งทางสมาคมฟุตบอลอังกฤษ หรือ เอฟเอ จะเริ่มจับสลากกันในเวลา 02.30 น. (เข้าสู่เช้าวันอังคาร) ตามเวลาในประเทศไทย โดยตอนนี้เราได้ 7 ทีมที่ผ่านเข้ารอบแน่นอนแล้ว และต้องรอผลการแข่งขันอีกหนึ่งคู่ที่จะลงเตะหลังจากที่มีการจับสลากแล้ว นั่นก็คือคู่ของ เปรสตัน นอร์ธ เอ็นด์ กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซึ่งวันนี้เราจะขออาสาวิเคราะห์ถึงความยากง่ายของรอบต่อไปสำหรับ ลิเวอร์พูล เองครับ


 

1. อาร์เซน่อล

Arsene Wenger was happy with Arsenal's performance against Middlesbrough

          ถือว่าเป็นเต็งต้น ๆ ในรายการนี้เลยก็ว่าได้ และด้วยศักยภาพของนักเตะที่ได้เปรียบกว่าคนอื่น ไม่ว่าจะเป็นตัวจริงหรือแข้งสำรองก็แทบจะไม่ต่างกัน แถมยังเล่นในสไตล์บอลกับพื้นได้อย่างน่ากลัว และหากต้องพบกันนั้น สิ่งเดียวที่จะทำให้ ลิเวอร์พูล มีโอกาสเอาชนะ อาร์เซน่อล ได้นั่นก็คือการลงเล่นใน แอนฟิลด์ เท่านั้น ซึ่ง "ไอ้ปืนใหญ่" มีสถิติเกมในบ้านที่ค่อนข้างสุดยอด ณ ปัจจุบันนี้ พวกเขาชนะรวดในบ้านกว่า 9 เกมติดต่อกันในทุกรายการแล้ว แถมยังยิงกระจายไม่ไว้หน้าอีกด้วย

          ถึงตอนนี้ค่อนข้างมั่นใจแล้วว่า อาร์เซน เวนเกอร์ กุนซือใหญ่ของทีม อาร์เซน่อล มุ่งหวังที่จะคว้าแชมป์รายการนี้ให้ได้ และแทบจะจัดชุดใหญ่ลงสนามด้วยซ้ำไป บอกเลยว่าหาก ลิเวอร์พูล ต้องพบกับทีมของ เวนเกอร์ จริง ๆ คงจะเป็นงานหนักที่สุดของ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส อย่างแน่นอน

ระดับความหิน : 9/10 (เยือน), 7/10 (เหย้า)

 


 

2. แบร็ดฟอร์ด ซิตี้

Jon Stead celebrates his strike against his former club

          "แจ็คผู้ฆ่ายักษ์" สำหรับฤดูกาลนี้คงจะหนีไม่พ้นพวกเขาแน่นอน หลังจากที่บุกไปเอาชนะ เชลซี 4-2 ในรอบสี่ และเพิ่งจะเปิดบ้านเอาชนะ ซันเดอร์แลนด์ 2-0 ในรอบห้า แม้ว่า แบร็ดฟอร์ด ซิตี้ จะเป็นทีมจาก ลีก วัน หรือระดับดิวิชั่น 3 ก็ตาม แต่ด้วยสไตล์การเล่นที่เน้นเกมบุกแบบไม่กลัวคู่แข่งหน้าหน้าไหน ทำให้ทีมใหญ่ ๆ หนาว ๆ ร้อน ๆ ได้เหมือนกัน ดู เชลซี เป็นอย่าง

          ความยากของการพบกับ แบร็ดฟอร์ด ซิตี้ สำหรับ ลิเวอร์พูล น่าจะอยู่ที่เกมเยือน นั่นเป็นเพราะพื้นสนามเหย้าของพวกเขาค่อนข้างแย่และเป็นอุปสรรคอย่างมากในการต่อบอลบนพื้น ซึ่งคงจะส่งผลต่อสไตล์การเล่นของ ลิเวอร์พูล อย่างชัดเจน ทำให้ ซันเดอร์แลนด์ ถึงกับไปไม่เป็นเลยทีเดียว แต่ในทางกลับกันหากต้องลงเล่นใน แอนฟิดล์ แล้ว น่าจะเป็นการเชือด "ไก่" ให้ "สิงห์" ดูอย่างแน่นอน

ระดับความหิน : 8/10 (เยือน), 5/10 (เหย้า)

 


 

3. เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน

Brown Ideye wheels away after scoring his second goal

          ไม่น่าเชื่อว่า เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน จะเปิดสนาม เดอะ ฮอว์ธอร์นส์ ถล่ม เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ที่ค่อนข้างฟูลทีมถึง 4-0 ทำให้ทีมของ โทนี่ พูลิส ชนะรวดสองเกมทั้งในลีกและบอลถ้วย อีกทั้งยังยิงได้ 6 ลูกแบบไม่เสียประตูเลยด้วยซ้ำ ซึ่งถ้ามองย้อนไปในรอบที่ผ่านมาของ "เดอะ แบ็กกี้ส์" ต้องบอกว่าเกมรุกสุดยอดไปเลยโดยเฉพาะการลงเล่นในบ้าน โดยสามเกมที่ผ่านมาสามารถเอาชนะ เกทส์เฮ้ด 7-0 (เหย้า), เบอร์มิงแฮม ซิตี้ 2-1 (เยือน) และ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด 4-0 (เหย้า) นั่นหมายความว่า 2 เกมในบ้านซัดไปแล้วกว่า 11 ประตู และรักษาคลีนชีตได้อีกด้วย

          ผลการพบกันครั้งแรกในฤดูกาลนี้ที่สนาม แอนฟิลด์ จบลงด้วยชัยชนะของ ลิเวอร์พูล ที่เฉือนไป 2-1 ซึ่งในเกมนั้นต้องบอกว่า "หงส์แดง" กำลังอยู่ในช่วงฟอร์มตกและเกือบจะถูกตีเสมออยู่บ่อยครั้ง โดยเฉพาะตัวทีเด็ดอย่าง ไซโด้ เบราฮิโน่ น่าจะเป็นตัวแสบสำคัญหากต้องเผชิญหน้ากันอีกครั้ง อย่างไรก็ดีการไปเยือน เดอะ ฮอว์ธอร์นส์ อาจจะทำให้ ลิเวอร์พูล เป็นรองนิด ๆ แต่ถ้ามีโอกาสได้เล่นใน แอนฟิลด์ รับรองว่า "เครื่องจักรสีแดง" ติดเครื่องแน่นอน

ระดับความหิน : 8/10 (เยือน), 6/10 (เหย้า)


 

4. แอสตัน วิลล่า

Leandro Bacuna celebrates his opener for Villa

          "สิงห์ผงาด" ดูท่าทางแล้วคงจะเป็นงานที่ง่ายที่สุด หาก ลิเวอร์พูล ต้องพบกับทีมจากระดับ พรีเมียร์ลีก และมีโอกาสที่จะสามารถเอาชนะทั้งเหย้าและเยือนด้วยความเป็นไปได้ที่พอ ๆ กัน แต่สิ่งที่น่าสนใจสำหรับ แอสตัน วิลล่า ในรายการ เอฟเอ คัพ ก็คือสามเกมที่ผ่านมา พวกเขาเอาชนะคู่แข่งไปแบบเฉือน ๆ ทั้งสามเกม ไล่ตั้งแต่ แบล็คพูล 1-0 (เหย้า), บอร์นมัธ 2-1 (เหย้า) และ เลสเตอร์ ซิตี้ 2-1 (เหย้า) นอกจากนี้ยังเป็นเกมในบ้านทั้งสิ้น

          โดยเกมนี้หาก แอสตัน วิลล่า ต้องบุกไปเยือนถิ่น แอนฟิลด์ รับรองว่าโดนเจ้าบ้านจัดหนักแน่นอน เพราะสถิติเกมนอกบ้านของ "สิงห์ผงาด" 5 เกมหลังสุด แพ้รวดและยิงใครไม่ได้เลย แถมโดนยิงรวม 10 เม็ด อีกทั้งพวกเขาก็น่าโฟกัสไปที่การลุ้นหนีตกชั้นก่อนแน่ หากจับสลากมาพบกับ ลิเวอร์พูล

ระดับความหิน : 6/10 (เยือน), 4/10 (เหย้า)

 


 

5. แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส

Josh King steers past Jack Butland

          หลังจบเกมในรอบห้าด้วยการถล่ม สโต๊ค ซิตี้ 4-1 หลังจากที่ตกเป็นรองก่อนหนึ่งลูกในช่วงต้นเกม แต่พวกเขาแสดงให้เห็นแล้วว่างานนี้ไม่หมูตู้ โดยเฉพาะสองกองหน้าอย่าง โจชัว คิง และ รูดี้ เกสเตเด้ ที่พร้อมใจกันล่าตาข่ายให้ทีมเข้ารอบมาอย่างต่อเนื่อง และสิ่งที่น่าสนใจสำหรับทีม "กุหลาบไฟ" ก็คือฟอร์มในบ้าน 18 เกมรวมทุกรายการในฤดูกาลนี้ ชนะเน้น ๆ 10 ครั้ง และเสมอกับแพ้เท่ากันที่ 4 ครั้ง ยิ่งไปกว่านั้น 4 เกมเหย้าหลังสุด ยังโคตรดีด้วยการชนะรวด และยิงประตูรวมกันถึง 11 ลูกเลยทีเดียว บอกเลยว่าถ้า ลิเวอร์พูล ต้องไปเยือนมีเหนื่อยแน่นอน

          แต่ในทางกลับกัน หากเป็นฝั่ง แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส ต้องบุกไปเยือน แอนฟิลด์ จะทำให้พวกเขากลายเป็น "กุหลาบเฉา" ในทันที เพราะผลงานเกมเยือน 15 นัดหลังสุดรวมทุกรายการ แพ้ 7 เสมอ 5 และชนะเพียง 3 เกมเท่านั้น บ่งบอกถึงเกมนอกบ้านที่ค่อนข้างมีปัญหา และมีโอกาสสูงมากที่ ลิเวอร์พูล จะยิงประตูถล่มทลายหลายเม็ด

ระดับความหิน : 7/10 (เยือน), 3/10 (เหย้า)

 


 

6. เร้ดดิ้ง

Yakubu puts Reading back in front against Derby County"

          เป็นคู่แข่งที่ไม่น่ากลัวที่สุดแล้วในรอบนี้ หากไม่นับทีมล้มยักษ์อย่าง แบร็ดฟอร์ด ซิตี้ กับ เปรสตัน นอร์ท เอ็นด์ ที่กำลังจะลงเตะในคืนนี้ นั่นเป็นเพราะอันดับในตารางที่ห่างจาก ลิเวอร์พูล กว่า 20 อันดับ แม้ว่าฟอร์มของพวกเขาอาจจะกำลังดีวันดีคืน แต่สำหรับการลงเล่นในศึก เอฟเอ คัพ ในรอบที่ผ่านมา เป็นเพียงการเอาชนะเฉือนทีมในระดับดิวิชั่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็น ฮัดเดอร์สฟิลด์ ทาวน์ 1-0 (เยือน), คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ 2-1 (เยือน) และ ดาร์บี้ เคาน์ตี้ 2-1 (เยือน) แถมยังเป็นเกมนอกบ้านล้วน ๆ

          หากพวกเขาต้องบุกไปเยือน แอนฟิลด์ บอกได้เลยว่าแฟน ๆ "เดอะ ค็อป" ไม่ต้องเป็นห่วงเลย เพราะ เร้ดดิ้ง เป็นทีมที่ไม่ค่อยสามารถรักษาฟอร์มการเล่นที่ดีได้อย่างต่อเนื่องสักเท่าไหร่ และการที่ต้องพบกับทีมที่มีศักยภาพสูงกว่าก็คงน่าจะเอาตัวรอดไม่ได้ง่าย ๆ เหมือนทุกที งานนี้ไม่ว่าจะเป็นเหย้าหรือเยือน รับรองว่าเสร็จ "หงส์แดง" แน่นอน

ระดับความหิน : 5/10 (เยือน), 4/10 (เหย้า)

 


 

7. เปรสตัน นอร์ธ เอนด์ หรือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

          บอกเลยว่า ณ เวลานี้ เจอใครก็ได้ เพราะไม่ว่าจะเป็น เปรสตัน นอร์ธ เอนด์ ทีมจาก ลีก วัน ที่ไม่น่าจะแข็งแกร่งเท่าไหร่ หรือเป็น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่เคยฝากรอยแค้นไว้ในเกมลีก ซึ่งหลายฝ่ายต่างมองว่า "ปีศาจแดง" น่าจะเข้ารอบหกไปได้ไม่ยาก และอยากให้ทั้งคู่ไปเจอกันในรอบชิงชนะเลิศ ซึ่งจะตรงกับวันเกิดของ สตีเว่น เจอร์ราร์ด พอดี ก็คงจะเป็นเรื่องที่โอเคไม่น้อย


 

สรุป (เรียงลำดับโดยที่ยังไม่นับคู่สุดท้าย)

เกมเยือนโหด : อาร์เซน่อล > แบร็ดฟอร์ด ซิตี้ > เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน > แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส > แอสตัน วิลล่า > เร้ดดิ้ง

เกมเหย้าโหด : อาร์เซน่อล > เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน > แบร็ดฟอร์ด ซิตี้ > แอสตัน วิลล่า > เร้ดดิ้ง > แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส


 

          อย่างไรก็ดี คงต้องรอลุ้นผลการแข่งขันของคู่นี้อีกที เช่นเดียวกับผลการจับสลากของ รอย ฮ็อดจ์สัน กุนซือทีมชาติอังกฤษคนปัจจุบัน ว่าจะออกมาตรงใจแฟน ๆ มากน้อยแค่ไหน ซึ่งผมก็อยากจะรู้ว่าสาวก "เดอะ ค็อป" อยากจะให้ทีมเจอใครในรอบต่อไปกันบ้าง ? โดยส่วนตัวผมเจอใครก็ได้ที่ไม่ใช่ อาร์เซน่อล และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ด้วยเหตุผลที่ว่า ยังไม่อยากให้ทีมใหญ่ต้องมาเจอกันก่อนรอบ 4 ทีมสุดท้าย และทำให้ความน่าสนใจของรายการนี้ต้องหมดลงไปนั่นเอง

ADS