หน้าแรก / ข่าวลิเวอร์พูล / ยุคเสื่อมของแกนหลักลิเวอร์พูล 2014-15

ยุคเสื่อมของแกนหลักลิเวอร์พูล 2014-15

ยุคเสื่อมของแกนหลักลิเวอร์พูล 2014-15

     คำว่ากระดูกสันหลัง หลายท่านน่าจะทราบดีว่า มันคือชุดกระดูกที่ยื่นต่อจากกระโหลกศรีษะ ล้อมรอบด้วยเส้นประสาทไขสันหลัง คอยยึดแกนร่างกายของคนเรา รวมทั้งหน้าอกและช่องท้อง

      แล้วถ้าเป็นกระดูกสันหลังในความหมายของฟุตบอลล่ะ โดยมากต้องหมายถึงผู้เล่นที่คอนโทรลเกมในแดนกลางของทีม ที่คอยเชื่อมโยงระหว่างผู้รักษาประตูและกองหน้า การที่ทีมมีแผงมิดฟิลด์ที่ดีย่อมหมายถึง การจัดการและสร้างอิทธิพลให้เป็นระเบียบ นำไปสู่ความได้เปรียบเหนือคู่แข่ง

     นอกเหนือจากแกนหลักของทีมที่ดี ยิ่งถ้ามีองค์ประกอบอย่างผู้รักษาประตูที่ไว้ใจได้ กองหลังที่แข็งแกร่ง กองกลางสร้างสรรค์เกมได้ดี และหัวหอกที่คมกริบ นั่นคือเหตุผลว่าทีมที่มีแกนหลักดี ย่อมประสบความสำเร็จได้มากกว่า

     6 ปีก่อน ลิเวอร์พูล ในยุค ราฟา เบนิเตซ เคยมีองค์ประกอบขั้นเทพในเวทียุโรปที่หลายทีมต้องอิจฉา อาทิ เช่น เปเป้ เรน่า, แดเนี่ยล แอ็กเกอร์, เจมี่ คาร์ราเกอร์, ฮาเวียร์ มาสเคราโน่, ชาบี อลอนโซ่, สตีเว่น เจอร์ราร์ด และ เฟร์นานโด ตอร์เรส เรียกว่าแดนกลางหงส์เรา ถือว่าแข็งระดับโลก แถมมีคู่กองหลังที่ชัวร์ และกองหน้าใช้โอกาสไม่เปลือง

     น่าเสียดายที่ทีมชุดนี้ ไม่ได้แชมป์อะไรกับเขา แม้จะมีลุ้นใน พรีเมียร์ ลีก บางทีถ้าฤดูกาลก่อน ทีมงานชุดนี้ยังอยู่ ป่านนี้เราอาจได้แชมป์ ลีก สมัย 19 ไปแล้วก็เป็นได้

     โชคร้าย ทีมชุดนี้แตกกระจัดกระจายไปนานแล้ว และนำไปสู่ทีมใหม่ที่ดูจะย่ำแย่ลง มาตรฐานต่างกันมาก จนเป็นผลอย่างที่เห็นในฤดูกาลนี้

     ซีซั่น 2014-15 แกนหลักของทีมชุดปัจจุบันได้แก่ ซิมง มิโญเลต์, มาร์ติน สเคอร์เทล, เดยัน ลอฟเรน, สตีเว่น เจอร์ราร์ด, ลูคัส เลว่า, ฟิลิปป์ คูตินโญ่ และ แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์

     ดาวเด่นอย่าง สเตอร์ริดจ์ ก็ยังเจ็บไปนาน ส่วนแนวรับสำรองอย่าง มามาดู ซาโก้ และ เอ็มเร่ ชาน กลับดูจะมีอนาคตสดใสในระยะยาวได้แน่ หลังจากทีมต้องตกอยู่ในร่มเงาของยุค ราฟา เบนิเตซ มาแสนนาน

     แต่กลับกัน มิโญเลต์, สเคอร์เทล และ ลอฟเรน ยังคงผลัดกันสร้างความผิดพลาดอยู่ต่อเนื่องให้คู่แข่ง เจอร์ราร์ด ที่โรยรารอวันลาทีมหลังจบซีซั่น และ ลูคัส ก็ขาดพลังในการทะลุทะลวง ขณะที่ คูตินโญ่ ที่มีพรสวรรค์เต็มเปี่ยม ก็ยังไม่ใช่คนที่แบกทีมได้ต่อเนื่องสักเท่าไร ส่วน เฮนเดอร์สัน และ อัลเลน ดูยังไงก็ไม่น่าใช่เกรดเอ ถ้าพูดแบบตรงไปตรงมา

     นักเตะอย่าง สเตอร์ริดจ์ ถือว่าเป็นแกนหลักคนสำคัญของทีม แต่พอเขาเจ็บไป ตัวทดแทนอย่าง ริคกี้ แลมเบิร์ต, มาริโอ บาโลเตลลี่ และ ฟาบิโอ บอรินี่ ไม่สามารถทดแทนได้เลยแม้แต่คนเดียวในการทำสกอร๋ ยังคงห่างไกลจากสมัยที่มี ตอร์เรส ในซีซั่น 2008-09 มากโข

     ขณะที่ดาวรุ่งพวก ราฮีม สเตอร์ลิ่ง, อดัม ลัลลาน่า, ลาซาร์ มาร์โควิช, ฆาเบียร์ มานกิโญ่ และ อัลแบร์โต้ โมเรโน่ ดูมีทรงในทางบวก ภาพรวมของทีมตอนนี้จึงดูเป็นทีมที่แย่ทั้งเกมรับและเกมรุก กองกลางก็คอนโทรลเกมไม่ได้ พวกเขาต้องเพรสซิ่งเกมรับและทำให้ดีกว่านี้ในเกมรุกหากคิดประสบความสำเร็จ การไม่มีแกนหลักที่ดีพอ ผลตอบแทนจึงแสดงออกมาด้วยฟอร์มที่เอาแน่เอานอนไม่ได้

การขาดจิตใจของผู้ชนะ

     ยกตัวอย่างเกมที่เสมอ เลสเตอร์ ซิตี้ ในบ้าน หงส์แดงออกนำไปก่อนถึง 2-0 แต่กลับโดนตี 2-2 ภายในเวลาไม่กี่นาที แทนที่จะคุมเกมเน้นครองบอล ผ่อนเกมให้นิ่ง กลับออกอาการรวน ท้ายที่สุดก็ไม่ได้ 3 แต้มในการเจอทีมบ๊วยเสียอย่างนั้น นั่นคือผลของการไม่มีแกนหลักที่ไว้ใจได้ ทั้งในแง่ฟอร์มและความแข็งแกร่งทางจิตใจ

     ล่าสุดอย่างเกมที่ชนะ ซันเดอร์แลนด์ พวกเขาก็แทบคุมเกมไม่อยู่ ในช่วงที่ทีมแมวดำ เหลือแค่ 10 คน กลับเป็น ซันเดอร์แลนด์ ที่พับสนามบุก และเกือบยันเจ๊าได้ถ้าลูกยิงไกลของ อดัม จอห์นสัน ไม่ไปชนคานเสียก่อน ไม่งั้นเกมเปลี่ยนแน่

     สิ่งที่เราพอมองออกได้ก็คือ นี่คือผลพวงจากการคว้าดาวรุ่งเข้าทีมมากเกินไป ยังขาดประสบการณ์ในการควบคุมสถานการณ์ที่บีบคั้น มากไปกว่านั้นหากทีมมีนักเตะที่เป็นบิ๊กเนมมากกว่านี้ เวิลด์คลาสกว่านี้ คงพอช่วยให้ทีมมีความนิ่งและเก๋าขึ้น เฉกเช่นในยุคของ ราฟา เบนิเตซ ได้อย่างแน่นอน

     ซึ่งเราคงต้องมาคอยดูกันว่า ในตลาดซื้อขายมกราคมนี้รวมถึงซัมเมอร์หน้า ลิเวอร์พูล จะมีเซอร์ไพรส์อย่างที่หวังหรือไม่ ต้องติดตามกันต่อไปครับ

ADS