หน้าแรก / ข่าวลิเวอร์พูล / จากใจแฟน"เจิด"หลังเลือกค้าแข้งแดนมะกัน

จากใจแฟน"เจิด"หลังเลือกค้าแข้งแดนมะกัน

จากใจแฟนเจิดหลังเลือกค้าแข้งแดนมะกัน

จากใจแฟน"เจิด"หลังเลือกค้าแข้งแดนมะกัน

          สกู๊ปนี้จะเป็นเรื่องราวที่พิเศษกว่าทุก ๆ ครั้งที่ผ่านมา เพราะนี่จะไม่ใช่การหยิบยกเอาผลงานต่าง ๆ ของนักเตะหรือสถิติที่น่าสนใจมาให้ชมกันเหมือนทุกที แต่ตัวผมในนามของ StevieG (ยูสเซอร์) ที่เป็นแฟนตัวยงของ สตีเว่น เจอร์ราร์ด และชื่นชอบเป็นการส่วนตัว ซึ่งเชื่อว่าหลาย ๆ ท่านก็คงจะชื่นชอบในตัว "กัปตันไดนาโม" คนนี้ไม่แพ้ผม

          อย่างไรก็ดี "งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา" เป็นสิ่งที่ทุกคนรู้ดีและเข้าใจ แต่สิ่งที่ทำให้ทุกคนงงและสงสัยก็คือการเลือกตัดสินใจย้ายไปค้าแข้งในศึก เมเจอร์ ลีก ซ็อคเกอร์ ที่ประเทศสหรัฐอเมริกากับสโมสร แอลเอ แกแล็กซี่ ตามรายงานของข่าวเมื่อไม่นานมานี้ ซึ่งผมจะนำประเด็นต่าง ๆ มาบอกเล่าความรู้สึกผ่านสกู๊ปนี้ให้ฟังนะครับ

ทำไม เจอร์ราร์ด ถึงเลือกไปเล่นที่ เมเจอร์ ลีก ?

          ถ้าเป็นผม (StevieG) ก็คงต้องทำแบบนี้ เพราะเส้นทางการค้าแข้งในวัย 34 ปี คงจะไม่เหมาะกับลีกที่เข้มข้นและรวดเร็วแบบ พรีเมียร์ลีก อีกต่อไป ซึ่งหากเป็นนักฟุตบอลคนอื่น ๆ เหมือนอย่าง แดเนี่ยล แอ็กเกอร์ ก็คงเลือกที่จะกลับไปเล่นในลีกบ้านเกิดกับสโมสรบ้านเกิดที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาสมัยที่เป็นเด็กปั้น อีกทั้งเพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงการต้องโคจรมาพบกับต้นสังกัดเดิมในเวทียุโรปอีกด้วย แต่สำหรับ เจอร์ราร์ด คงทำแบบนั้นไม่ได้ เพราะเขาเกิดที่นี่ โตที่นี่ และอยู่ที่นี่ตั้งแต่เกิด จะเรียกว่าเป็น "One Club Player" ก็คงไม่ผิด ซึ่งคงไม่มีที่ไปที่ไหนที่จะเหมาะสมที่สุด นอกเหนือไปจากการออกจากทวีปยุโรปไปเลย

          ผมเชื่อว่า เจอร์ราร์ด คงมีเหตุผลเดียวกับ แอ็กเกอร์ ในตอนที่เลือกย้ายทีมแน่นอน ซึ่งการใช้ชีวิตและการปรับตัวที่ อเมริกา ก็คงไม่ยากมากมายเท่ากับการไปค้าแข้งที่ตะวันออกกลางหรือกับสโมสรในเอเชีย นั่นเป็นเพราะภาษาอังกฤษนั่นเอง ลึก ๆ แล้วเจ้าตัวก็ยังคงไม่อยากแขวนสตั๊ดในเร็ววันนี้หรอกครับ แต่การที่สโมสรไม่ต่อสัญญาบวกกับสภาพร่างกายที่ไม่เหมาะกับบทบาทที่ได้รับแล้ว จึงทำให้เขาไม่มีทางเลือกที่ต้องทำแบบนี้

ความรู้สึกหลังการตัดสินใจย้ายทีมของ เจอร์ราร์ด ?

          ทันทีที่ได้ยินข่าวรวมถึงแถลงการณ์ของ เจอร์ราร์ด ทำให้ผมอึ้งและช็อคไปชั่วขณะ ซึ่งเป็นอะไรที่เราไม่คาดฝันมาก และมีคำถามผุดขึ้นมาในหัวมากมาย ไม่ว่าจะเป็น "ย้ายทำไม", "ทำไมไม่อยู่จนแขวนสตั๊ดเหมือน กิ๊กส์ หรือ คาร์ราเกอร์", "ทำไมไม่ยอมลดค่าเหนื่อยและขอสโมสรอยู่ต่อ" ฯลฯ เชื่อว่าหลายท่านก็คงคิดเหมือนกับผมเหมือนกัน

          ในเมื่อเส้นทางการค้าแข้งในเกาะอังกฤษสิ้นสุดลง ก็คงต้องมองหาเส้นทางใหม่สำหรับอาชีพของเขาและคงไม่ใช่เรื่องแปลก อีกทั้งการที่เขาต้องกินต้องใช้กับลูก ๆ ทั้งสามคน และภรรยาที่รักอีกหนึ่ง จึงทำให้เขาไม่มีทางเลือกมากนัก นอกจากจะเลือกเล่นบอลต่อไป มันเป็นธรรมชาติของการทำงาน

ทำไม แลมพาร์ด ยังเล่นได้และฟอร์มดีทั้ง ๆ ที่ เจอร์ราร์ด ก็เล่นได้เหมือนกัน ?

          หลายคนคงสงสัยว่าทำไมระดับ แลมพาร์ด ยังเล่นให้กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้เลย แล้วทำไม เจอร์ราร์ด จะเล่นไม่ได้ ซึ่งเรื่องนี้ผมพยายามคิดเหตุผลต่าง ๆ นานาเพื่อนำมาอธิบายให้ฟังครับ

1. บทบาทเหมือนกันแต่ความกดดันต่างกัน

          จริงร้อยเปอร์เซ็นต์ที่บทบาทของ แลมพาร์ด และ เจอร์ราร์ด ในช่วงหลังอาจจะใกล้เคียงกัน และดูเหมือนจะเป็น แลมพาร์ด ด้วยซ้ำที่ได้เล่นในตำแหน่งถนัดของตัวเอง แต่ความกดดันที่ไม่เหมือนกันและสิ่งที่แบกรับในทีมที่ต่างกัน รวมไปถึงองค์ประกอบในทีมที่ไม่เหมือนกัน เมื่อเทียบปอนด์ต่อปอนด์แล้ว คงปฏิเสธไม่ได้ที่จะบอกว่านักเตะของ แมนฯ ซิตี้ เหนือกว่าอยู่เยอะ เพราะฉะนั้นการที่ เจอร์ราร์ด ต้องเป็นทุกสิ่งทุกอย่างในทีมเสมอไป ยิ่งทำให้เขากดดันและเล่นด้วยการแบกภาระหนักอึ้งอยู่คนเดียว

2. ระยะเวลาในสนามที่เหมาะสม

          ระดับนักเตะในวัย 34 ปีกับตำแหน่งและบทบาทที่ได้รับ คงไม่เหมาะสำหรับการลงเล่นตลอด 90 นาทีแน่นอน เรื่องนี้หลายฝ่ายมองเห็นตรงกัน แต่การพัก เจอร์ราร์ด เป็นสำรองตลอดทั้งเกม และส่งลงเต็มเวลาในเกมถัดไป ยังไม่ใช่การแก้ไขปัญหาที่ถูกจุด เมื่อมองไปที่ "เรือใบสีฟ้า" ของกุนซือ มานูเอล เปเญกรินี่ กลับเลือกส่ง แลมพาร์ด ลงสนามในช่วงครึ่งหลังหรือในช่วง 30 นาทีสุดท้ายของเกม เพื่อจะได้รีดพลังงานออกมาใช้ได้เหมาะสมที่สุด และยืดอายุการใช้งานออกไปอีกด้วย เรื่องนี้ดูเหมือนว่า ร็อดเจอร์ส จะมองไม่ค่อยเห็นสักเท่าไหร่

          สุดท้ายนี้ก็ได้แต่หวังว่า "กัปตันเจิด" จะกลับมารับงานเป็นโค้ชที่สโมสร ลิเวอร์พูล ในอนาคต และมาร่วมเป็นสมาชิกครอบครัว "หงส์แดง" เช่นเดียวกับ ร็อบบี้ ฟาวเลอร์, เคนนี่ ดัลกลิช และ เอียน รัช เป็นต้น ผมมั่นใจว่าการตัดสินใจครั้งนี้ของ เจอร์ราร์ด จะเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องและส่งผลดีกับตัวเองและสโมสรในอนาคตต่อไป หวังเป็นอย่างยิ่งว่าปีนี้เราจะมีแชมป์ติดไม้ติดมือบ้าง เพื่อเป็นของขวัญส่งท้ายให้กับ "สตีวี่จี"...

ADS