หน้าแรก / ข่าวลิเวอร์พูล / แลมโบ้ VS เกรียนโอ้ ใครคือเพชรฆาตที่คู่ควร?

แลมโบ้ VS เกรียนโอ้ ใครคือเพชรฆาตที่คู่ควร?

แลมโบ้ VS เกรียนโอ้ ใครคือเพชรฆาตที่คู่ควร?

     หลังจากระเบิดสกอร์ทำไปแล้ว 2 ประตู จาก 2 เกมหลังสุด แถมเป็นการลงเล่นเพียงนัดที่ 5 ให้ทีม ริคกี้ แลมเบิร์ต ดาวยิงหุ่นแรมโบ้ชาวอังกฤษของ ลิเวอร์พูล ก็โชว์ให้เห็นแล้วว่า เขาคือดาวยิงที่เหนือกว่า มาริโอ บาโลเตลลี่ จอมฝืดชาวอิตาลี อย่างแท้จริงด้วยผลงาน และพร้อมทดแทนการบาดเจ็บของ แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ ได้แน่

     นับเป็นครั้งแรกในชีวิตของเขาที่ต้องพบความยากลำบากตั้งแต่ย้ายมา ลิเวอร์พูล โดยเฉพาะช่วงสองเดือนแรก แต่ล่าสุด กองหน้าวัย 32 ปี ก็จัดการซัดสองตุงในเกมเยือน คริสตัล พาเลซ และ ลูโดโดเร็ตส์ ตามลำดับ นี่คือสัญญานที่ดีของทีม

     แม้ทั้งสองลูกจะไม่ใช่ประตูระดับโลกที่ต้องร้องว้าวออกมา แต่มันก็มีความหมายอย่างมาก ในสถานการณ์ที่ทีมพากันปืนฝืดยกแผง และยิ่งบ่งชัดว่าเขาควรเป็นตัวเลือกอันดับหนึ่ง ต่อให้ บาโลเตลลี่ จะหายเดี้ยงกลับมาก็ตาม

แลมเบิร์ต VS บาโลเตลลี่

     การเป็นกองหน้าที่ดี ไม่มีอะไรสำคัญเหนือไปกว่าการทำประตู หากจะวัดด้วยสถิติแบบตัวต่อตัวของทั้งคู่ ถือว่าน่าสนใจอย่างมาก

     เริ่มที่ แลมโบ้ หัวหอกสไตล์อังกฤษโบราณ ที่ทำประตูให้หงส์แดงไป 3 ประตู จากการลงเล่น 336 นาที ถือว่านำหน้า บาโลเตลลี่ ไปแล้ว โดยเกรียนโอ้ ลงเล่น 911 นาที ได้สัมผัสตาข่ายแค่ 2 ลูกเท่านั้น นั่นหมายถึงอดีตหอกนักบุญมีค่าเฉลี่ยยิงได้ทุกๆ 122 นาที ขณะที่น้องโอ้ต้องใช้เวลา 455.5 นาทีต่อลูก ต่างกันเยอะมากครับ นอกเหนือจากนั้นสไตล์ของ บาโลเตลลี่ ก็ไม่ค่อยมีประโยชน์กับ ลิเวอร์พูล อีกต่างหาก

     แล้วการแอสซิสต์ล่ะ? แลมเบิร์ตจ่ายให้เพื่อนยิงไปแล้ว 3 ลูก ส่วนบาโลเท่ากับศูนย์ นี่คือความต่างที่ชัดเจนระหว่างคนที่ใจกว้างกับคนที่เห็นแก่ตัว

     วัดกันต่อที่การดวลลูกกลางอากาศ แลมโบ้ เหนือแบบชัดเจน เมื่อเขาสู้กลางอากาศชนะถึง 2.2 ครั้งต่อเกม ขณะที่โอ้ ทำได้แค่ 0.9 ครั้งต่อเกม เหนือชั้นกว่าร่วมๆ 50 เปอร์เซ็นต์

     สิ่งที่สองคนนี้แตกต่างกันอย่างชัดเจนที่สุด คือแนวทางการเล่นเพื่อทีม ยามอยู่ในสนาม แลมเบิร์ต คือ คนที่ขยันมุ่งมั่น กระตือรือร้นสู้ทุกจังหวะให้เพื่อน ขณะที่บาโลเตลลี่ มาแบบอารมณ์ศิลปิน ไม่สนใจว่าเพื่อนจะอะไรยังไง แหม ทัศนคติต่างกันสุดขั้วเหลือเกินสองหอกหงส์เรา

ทรรศนะของ คาร์ราเกอร์ และ เนวิลล์

     ในมุมมองของ เนวิลล์ ได้กล่าวไว้ว่า "แลมเบิร์ต ควรได้ลงเล่นก่อน บาโลเตลลี่ อย่างแท้จริง เขาช่วยเพื่อนร่วมทีมได้ในแง่การผ่านบอล และยังเคลื่อนที่ได้ดี นักเตะ ลิเวอร์พูล ต้องการคนอย่างเขา เพราะเขาสู้มากๆ เขาสมควรมีตำแหน่งในทีม เขาทำให้ทุกคนเล่นดีไปด้วย"

     ส่วน คาร์ร่า ก็บอกในทางเดียวกันว่า "ริคกี้ อยากได้โอกาสลงสนาม เพราะเกมปีนี้มันเยอะเหลือเกิน ดังนั้นเขาควรได้โอกาสมากกว่านี้ เขาคือจอมถล่มประตู และเก็บบอลได้ดีด้วย"

     ปีก่อน เจ้าแลมโบ้ ลงเล่นให้ เซาท์แฮมป์ตัน ไปมากถึง 38 นัด แต่ปีนี้ ร็อดเจอร์ส ให้โอกาสน้อยมาก แค่ 9 เกม แถมส่งเป็นสำรองท้ายเกมตลอด

หรือว่าจะส่งลงเล่นคู่กันซะ

     หากทีมอยากจะลองแนวทางแบบ 4-4-2 ไดมอนด์ และ บาโลเตลลี่ กลับมาจากอาการเดี้ยง สูตรนี้อาจเหมาะเจาะในการเป็นคู่ขาให้กัน จะได้แฮปปี้ทั้งคู่เสียเลย

     ที่ผ่านมา เดอะโอ้ เคยเป็นพาร์ทเนอร์ให้ สเตอร์ริดจ์ มาแล้วแถมเวิร์คมาก ในเกมที่บุกถล่ม ท็อตแน่มฮ็อตสเปอร์ส 3-0 ช่วงสิงหาคม แต่หลังจากนั้น น้องโอ้ ก็กลายเป็นหน้าตัวเดียวที่แสนเดียวดายมาตลอด

     ส่วน แลมเบิร์ต ก็ไม่ใช่คนที่เหมาะกับการเป็นหน้าเป้าลำพังเหมือนกัน ด้วยสไตล์ที่ชอบเก็บบอล และสร้างสรรค์โอกาสไม่เก่งเท่าไร ทีมควรจะเสี่ยงให้ทั้งสองคนจับคู่ไปเลยจะดีกว่า ซึ่งสูตรนี้เคยขึ้นครั้งเดียวในท้ายเกมที่เสมอ ฮัลล์ ซิตี้ 0-0 ดังนั้นนี่คือทางออกที่ไม่เลวนัก

     คงจะดูน่าหัวเราะหากเราจะบอกว่า แลมเบิร์ต คือคำตอบของการแก้ปัญหาการยิงประตูให้ ลิเวอร์พูล แต่เขาก็พิสูจน์ออกมาให้พวกเราเห็นแล้วว่า เขาไม่ธรรมดาแถมยังจะดูมั่นใจมากขึ้นอีกด้วย การเล่นคู่ บาโลเตลลี่ ย่อมเป็นทางเลือกที่เป็นไปได้

     ฝันร้ายในการเล่นให้ทีมหงส์แดงทีมรักตั้งแต่วัยเยาว์ของเขากำลังจะหายไปนับแต่นี้ แอดมินรักหมายเลข 9 คนนี้มาก เพราะเขาคือคนที่ตามฝันตัวเองได้สำเร็จ เพราะคงไม่มีอะไรดีไปกว่าการเล่นให้ทีมโปรดของตัวเอง ตั้งแต่เป็นเด็กฝึกหัด ครั้งสุดท้ายที่เราเคยเจอเรื่องแบบนี้ เห็นจะมี ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ คนเดียว ที่ย้ายไปและได้กลับมา แต่การกลับมาของ แลมเบิร์ต วัย 32 ปี ไม่มีอะไรจะเสียอยู่แล้ว อย่าแปลกใจว่าทำไมเขาถึงสู้เพื่อทีมเหลือเกิน เดอะ แลมโบ้

 

ADS