ความคิดเห็นหลังเกมโดยทีมงานสยามลิเวอร์พูล

     เป็นอีกนัดที่ต้องลุ้นแบบให้มีคัมแบ็คอีกแล้วสิน่า เกมนี้หงส์แดงลิเวอร์พูล เริ่มต้นด้วยรายชื่อ 11 คนแรก ด้วยการเซอร์ไพรส์นิดๆของ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ที่ไม่มี สตีเว่น เจอร์ราร์ด กัปตันทีมทั้งตัวจริง และสำรอง รวมทั้ง ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ปีกหัวหยอยด้วยเช่นกัน พร้อมทั้งฟังเสียงประชาชาวเดอะค็อปบ้าง ด้วยการดร็อป มาริโอ บาโลเตลลี่ ไปนั่งเล่นข้างสนามร่วมกับ เอ็มเร่ ชาน และ อัลแบร์โต้ โมเรโน่

     เกมนี้จัดว่าผู้เล่นที่ส่งลงไป เรียกว่าจัดมาเพื่อฆ่าเธอโดยแท้ หน้าคู่ ริคกี้ แลมเบิร์ต กองหน้าน้องยักษ์ ผนึกกำลังกับ ฟาบิโอ บอรินี่ ไอ้เสือคาบดาบ พร้อมมี คูตินโญ่ ลาซาร์ มาร์โควิช ลูคัส และ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน แผงหลังซ้ายไปขวา เป็น เกล็น จอห์นสัน เดยัน ลอฟเรน โคโล่ ตูเร่ และ ฆาเบียร์ มานกิโญ่ นายทวารเป็นพี่แห้งมือสองอย่าง แบร็ด โจนส์

     เกมนี้ว่ากันตามกระแสต่อรอง พวกเซียนทั้งหลายต่างเชื่อกัน ลิเวอร์พูล น่าจะจอดป้ายเพียงรอบนี้ ด้วยทรงบอลที่ยังไม่ค่อยดี หลังที่หละหลวมจากหลายๆนัด ทำให้คนไม่ค่อยเชื่อน้ำยา แต่พอนกหวีดเป่าเริ่มเกมเท่านั้นละครับ แอดมินถึงกับตาเหลือก ไม่คิดว่าหงส์ชุดบี จะเล่นมันส์ขนาดนี้ เรียกว่าครึ่งแรก สวอนซี ไม่ได้มีง้างสักกะแอะ ขณะที่ คูตินโญ่ ได้ส่องไกล กระชากเดี่ยวไปหลายจังหวะ เพียงแต่ขาดความเด็ดขาด แต่ก็เห็นทรงการประสานงานที่ดีมาก ของ คูตินโญ่ แลมเบิร์ต และ บอรินี่ ที่เล่นได้รู้ใจมากๆ จะมีแค่ มาร์โควิช ที่ยังปรับตัวกับเพื่อนไมไ่ด้ ยังไม่รู้จังหวะเท่าไร ขาดๆเกิน ส่วนอีกคนที่เด่น คือ มานกิโญ่ ที่บุกดีเหลือเกิน ได้แลบไปหน้าเขตโทษสวอนซีบ่อยๆ

     กองหน้าของเราได้ยิงหลายทีมาก โดยเฉพาะบอรินี่ ที่วันนี้วูบวาบมีความเร็ว และขยันมากพอๆกับ แลมเบิร์ต ที่ใช้ความใหญ่กดดันกองหลัง สวอนซี ได้ดี ทำเอา โจนส์ สบายบรื๋อ ยืนตบยุง เพราะแทบไม่ได้โดนส่องเลยสักกะที แต่ในเมื่อความเด็ดขาดไม่มี ก็เลยจบ45 นาทีแรกที่ 0-0 เรียกว่า แกร์รี่ มังค์ ผู้จัดการหงส์ขาวหน้าเป็นตูดเลยทีเดียว เพราะทีมเล่นไม่ได้น่ากลัวสักเท่าไร

     แต่พอเริ่มครึ่งหลัง ทรงบอลสวอนซีดีขึ้นเล็กน้อย ใช้ จอนโจ เชลวี่ย์ เป็นตัวเดินเกมกดดันในการโต้กลับ ส่วนหงส์แดง ดูฟอร์มจะแผ่วเงียบไปบ้าง แล้วประตูโดนนำก็มาไม่ทันตั้งตัว บุกเขาอยู่เพลินๆ เจอ เชลวี่ย์ ลากมากดดันหน้าเขตโทษ ทำท่าจะกึ่งยิงกึ่งผ่านรึไงไม่ทราบ ไปติดหลังลิเวอร์พูล มาเข้าทาง นีล เทย์เลอร์ แบ็คซ้ายเวลส์ หยอดไปให้ มาร์วิน เอมเนส ซัดด้วยซ้ายตามน้ำแบบไม่ต้องจับ ขึ้นนำ 0-1 เข้าเสาไกลไปแบบช็อกๆ เพราะทีมเยือนไม่ได้มีท่าทีจะน้ำยาทำประตูเลย สถานการณ์ตึงเครียดเลยทีนี้

     ร็อดเจอร์สก็ยังใจเย็นไปได้สักพัก เริ่มทนไม่ไหว ส่ง ลัลลาน่า และ น้องโอ้ บาโลเตลลี่ (แทน มาร์โควิช และ แลมเบิร์ต) มาเพิ่มแนวรุกให้หนักหน่วงกว่าเดิม ซึ่งแอดมินขอขี้โม้หน่อยว่า ไม่เชื่ออยู่แล้วว่าวันนี้หงส์เราจะแพ้ เพราะรูปเกมเราดีกว่าเยอะ เกมเร็วมาก แถม คูตินโญ่ พอเห็นสองคนนี้ลงมา เครื่องติดหนักกว่าเดิม จี๊ดจ๊าดมาก จน เฟร์นานเดซ กองหลังของ สวอนซี ต้องสอยดาวไปหนึ่งทีจนโดนใบแดงไล่ออกไป 11คน ต่อ 10 คนไม่ต้องถามว่าเกิดอะไรขึ้น หงส์แดงบุกแหลกแบบโคตรเฮฟวี่ แล้วก็มาได้ประตูแบบงงๆ หน่อย เพราะเป็นลูกยาก บอรินี่ ได้บอลจากกราบขวา โยนมาเขตโทษ น้องโอ้ เหมือนฉลามได้กลิ่นเลือด ไม่ยิงไม่ดีด น้องโอ้ถีบบอลสวนตัว แกร์ฮาร์ด เทรมเมล มันดื้อๆ เข้าไปเป็นสกอร์ 1-1 ในนาที 86 ง่ายๆ ก็ไม่ใช่โอ้ตัวจริงสิครับ ฮ่าๆๆๆ

     พอสกอร์กลับมาเท่ากัน ลิเวอร์พูล ยิ่งเอาใหญ่ ท่ามกลางทดเวลาบาดเจ็บ 5 นาที เหลือไม่กี่อึดใจจะเป่าปรี๊ดๆอยู่แล้ว หงส์แดงได้ฟรัคิกจากกราบซ้าย ไกลโคตรๆร่วม 35 หลา คูตินโญ่ โยนเข้ามา เข้าหัว เดยัน ลอฟเรน หน้าตาเฉยๆ โขกเต็มๆ ให้หงส์แดงพลิกมานำ2-1 ในนาทีที่ 96 ชนิดว่าชนะแหงๆละคราวนี้ แอดมินนี่ถึงกับยืนเลยทีเดียว และไม่นานกรรมการก็เป่าจบ 90 นาที ลิเวอร์พูลเข้ารอบต่อไป

     ชื่นใจกันเลยทีเดียวนะครับ สำหรับเดอะค็อปวันนี้ สัญญานที่ดีมาแล้ว จาก มาริโอ บาโลเตลลี่ ประตูตีเสมอจัดว่าสัญชาตญานของโอ้ยังอยู่ล้วนๆ บอรินี่ ก็ดูพึ่งพาได้ด้วยความขยันขันแข็ง และ คูตินโญ่ ที่น่าจะเด่นนี่สุดในเกมนี้ เรียกว่าน่าจะให้เป็นตัวจริงไปยาวๆ เลยไอหนูแซมบ้า แกเลื้อยมันสะเด่าดีเหลือเกิน เช้าวันนี้พวกเราคงได้ตื่นไปคุยโขมงให้แฟนบอลทีมอื่นอิจฉากันนะครับ ฮ่าๆๆๆ แล้วอย่าลืมเชียร์กันต่อ พรีเมียร์ ลีก นัดถัดไป ที่เราจะออกไปเยือน นิวคาสเซิล ในวันเสาร์นี้ อย่าลืมติดตามกันนะครับ You'll never walk alone