หน้าแรก / ข่าวลิเวอร์พูล / 3 สิ่งที่ทีมต้องเรียนรู้หลังชนะลูโดโกเรตส์แบบหืดขึ้นคอ!!!

3 สิ่งที่ทีมต้องเรียนรู้หลังชนะลูโดโกเรตส์แบบหืดขึ้นคอ!!!

3 สิ่งที่ทีมต้องเรียนรู้หลังชนะลูโดโกเรตส์แบบหืดขึ้นคอ!!!

     สวัสดีครับ เพื่อนๆ แฟนๆ สยามลิเวอร์พูล หลังจากหงส์แดง ลิเวอร์พูลของพวกเราเกือบอับอายขายขี้หน้า เสมอกับ ทีมยักษ์ใหญ่ระดับโลกอย่าง ลูโดโกเรตส์ ดีว่าโกล์ทีมเยือนเฟอะฟะ จนเสียจุดโทษนาทีสุดท้าย ไม่งั้นคงมีงานงอกแน่ ในการลุ้นเข้ารอบ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก

     ทีมจ่าฝูงลีกบัลแกเรีย คอตกไปก่อน จากการโดนแชมป์ยุโรป 5 สมัย ขึ้นนำไปในนาทีที่ 82 จากการซัดเข้าเสาไกลของ ดาวยิงคุ้มดีคุ้มร้ายอย่าง มาริโอ บาโลเตลลี่ ซึ่งเป็นประตูแรกของเขากับต้นสังกัดใหม่

     แต่ทีมจากบัลแกเรีย ก็มาทำช็อกให้แอนฟิลด์เงียบเป็นเป่าสาก เมื่อตีเสมอได้ในนาทีที่ 91 จากจังหวะที่ ดานี่ อบาโล หลุดทะลุมาแตะหลบ ซิมง มิโญเลต์ นายทวารเบลเยี่ยมของเราเข้าไป ทำเอากองเชียร์ทีมเยือนเริงร่ากันสุดฤทธิ์ นึกว่าจะได้ 1 แต้มกลับบ้านไปแล้ว

     แต่ ลิเวอร์พูล ก็กลับมาเอา 2 แต้มที่เหลือคืนมาได้ เมื่อได้ลูกโทษจากจังหวะที่ มิลาน บอร์ยาน ผู้รักษาประตูของ ลูโดโกเรตส์ ไปเหนี่ยว ฆาเบียร์ มานกิโญ่ ที่วิ่งไปกดดันในเขตโทษ และก็เป็น สตีเว่น เจอร์ราร์ด ใช้ความเก๋าและนิ่ง ซัดเข้าไปอย่างเยือกเย็น เก็บ 3 แต้มสำเร็จ ชนิดหืดขึ้นคอ

     วันนี้กระผม แอดมินท็อป (armada28) จะพาเพื่อนๆ ไปดูคะแนนที่สื่อต่างประเทศ ประเมินความสามารถ ให้กับนักเตะทีมเราในเกมนี้กันดีกว่าครับ ว่าเป็นยังไงบ้าง

ซิมง มิโญเลต์ (6/10)
     เขาสั่งการในกรอบเขตโทษได้ดี แต่นายทวารชาวเบลเยี่ยมก็มาผิดพลาดในจังหวะเสียประตูให้ ลูโดโกเรตส์ ซึ่งนี่คือเหตุผลที่ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส จึงยังต้องการเซ็นฟรีกับ บิคตอร์ บัลเดส

ฆาเบียร์ มานกิโญ่ (7/10)
     แบ็คขวาชาวสเปน เติมเกมรุกฝั่งขวาได้ดี จนพาทีมได้ลูกโทษ จากการขึ้นไปกดดันผู้รักษาประตูทีมเยือน จนต้องทำฟาล์ว ถือว่าฟอร์มโดยรวมใช้ได้

มามาดู ซาโก้ (6/10)
     ดูเหมิอนว่า เซนเตอร์ฮาล์ฟชาวฝรั่งเศส จะยังดูตื่นกับเกม ไม่ค่อยนิ่ง เขาครองบอลได้ไม่ดีเท่าไร และแถมยังผ่านบอลผิดพลาดจนทีมเกือบเดือดร้อนหลายครั้ง

เดยัน ลอฟเรน (7/10)
     กองหลังทีมชาติโครเอเชีย มีโอกาสทำประตูจากลูกโหม่งถึงสองครั้ง แต่ก็ทำได้ไม่ดีเท่าที่ควร แต่มองในแง่การคุมเกมรับ เขานิ่งและแน่นอนมาก

อัลแบร์โต้ โมเรโน่ (7/10)
     บุกเป็นจรวดเหมือนเดิมสำหรับ ไอ้หนูตีนระเบิดเลือดกระทิง เขาเติมเกมฝั่งซ้ายได้สวย แม้การครอสบอลเข้าเขตโทษจะทำได้แย่ แต่ก็น่าพอใจกับผลงานในวันนี้

สตีเว่น เจอร์ราร์ด (6/10)
     แม้กัปตันสตีวี่จี จะเป็นผู้สังหารจุดโทษประตูชัย แต่ดูเหมือนว่า เจอร์ราร์ด จะเชื่องช้าไปในหลายๆ จังหวะ ราวกับว่า เขาคือบ่อที่ ลูโดโกเรตส์ จ้องเล่นงาน คอยรุมกินโต๊ะยามที่เขาได้บอล

จอร์แดน เฮนเดอร์สัน (7/10)
     ภาพรวมทำได้ดีทีเดียว กองกลางไดนาโมแสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ที่ดี ด้วยการจ่ายบอลให้ มานกิโญ่ หลุดเข้ากรอบโทษ แต่แบ็คขวาสเปนก็ทำเสียของไปเอง

ฟิลิปป์ คูตินโญ่ (5/10)
     เพลย์เมกเกอร์บราซิลเลี่ยน ดูจะไม่ค่อยมีบทบาทกับเกมสักเท่าไร จนถูกถอดทิ้งในครึ่งหลัง การจ่ายบอลที่ยอดเยี่ยมซึ่งเป็นจุดแข็งของเขา กลับกลายเป็นความน่าผิดหวังที่สุด

อดัม ลัลลาน่า (6/10)
     ดูเหมือนว่าจอมเทคนิคชาวอังกฤษยังต้องเพิ่มความฟิตพอสมควร หลังจากบาดเจ็บไปในช่วงปรี ซีซั่น หลายจังหวะยังจับบอลไม่ค่อยดี แต่การได้ลงในสนาม ก็เป็นเรื่องที่ดีในการพัฒนาเกมของเขา

ราฮีม สเตอร์ลิ่ง (6/10)
     ยามที่ทีมไม่มี แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ ที่บาดเจ็บอยู่ ปีกหัวหยอยเลยเป็นตัวจี๊ดตัวเดียวที่เหลืออยู่ แต่เกมนี้เขาก็ไม่ได้แสดงฟอร์มที่ดีที่สุดออกมา แม้จะมีหลายจังหวะที่ปั่นป่วนทีมเยือนได้บ้างก็ตาม

มาริโอ บาโลเตลลี่ (7/10)
     ในที่สุด เกรียนโอ้ ก็ทำประตูปลดล็อกตัวเองได้สำเร็จ หลังจากล้มเหลวที่จะทำประตูแรกในหลายๆเกมที่ผ่านมา บางทีเขาจำเป็นต้องปรับปรุงการเคลื่อนที่ของตัวเองให้เข้ากับระบบ แต่กระนั้นภาพรวมเป็นไปในทางบวก

สำรอง
ฟาบิโอ บอรินี่ (6/10)
     หัวหอกเสือคาบดาบ ลงมาแทน ลัลลาน่า และก็ได้โอกาสโหม่งไป 1 ที แต่ก็ไปตรงตัวผู้รักษาประตู โดยรวมแล้วฟอร์มของเขาเงียบสนิท

ลูคัส เลว่า (6/10)
     ลูคัส ลงมาตัดบอลได้ดี ในเกมค่ำคืนนี้ กับเวลาในสนามที่มีไม่มากนัก

     และนี่คือทรรศนะของผมว่า ลิเวอร์พูล ยังมี 3 สิ่งที่ยังต้องเรียนรู้จากการกระเสือกกระสนคว้าชัยในเกมนี้

1.ทีมต้องการ แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ กลับมาโดยด่วน
     นี่คือความจริงที่เป็นสาเหตุให้ ลิเวอร์พูล พ่ายแพ้ให้กับ แอสตัน วิลล่า คาบ้านเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา จนมาในเกมกับ ลูโดโกเรตส์ ดูเหมือนว่า ร็อดเจอร์ส จะปวดหัวในการหาตัวจบสกอร์ในเกมนี้

     เขาอาจจะมี บาโลเตลลี่ ให้ใช้งานแทน แต่ดูเหมือนว่า น้องโอ้ ยังห่างไกลกับการทำหน้าที่นี้แทนดาวยิงจอมเซิ้งอีกเยอะ ด้วยสไตล์เล่นบอลแบบขี้เกียจๆ ไม่ส่ายหาช่อง

     หากนัดต่อๆ ไป รายชื่อผู้เล่นทีมเรายังไม่มีหัวหอกเบอร์ 15 ชัดเจนเลยว่าลิเวอร์พูล คงยากลำบากมากในการประสบความสำเร็จในซีซั่นนี้ อย่างไรก็ดี ประตูแรกของ บาโลเตลลี่ ก็น่าจะช่วยเพิ่มความมั่นใจให้เจ้าตัวมากขึ้น และเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ตัวเขาเอง

2.อดัม ลัลลาน่า ร่างกายยังไม่ฟิต 100 เปอร์เซ็นต์
     ผลงานของ ลัลลาน่า กับทีมเก่า เซาท์แฮมป์ตัน ใน 2-3 ปีที่ผ่านมา ไม่มีอะไรให้ต้องสงสัยเลย เขาโดดเด่นจนได้ติดทีมชาติอังกฤษ แต่การเจ็บเข่าเมื่อช่วงซัมเมอร์ ทำให้เขาเริ่มต้นกับ ลิเวอร์พูล อย่างยากลำบาก


     ลัลลาน่า ได้ประเดิมเกมแรกให้ทีมในเกมแพ้ แอสตัน วิลล่า เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา และนี่ก็เป็นอีกครั้งที่ชัดเจนเลยว่า เขายังไม่ฟิต รวมทั้งการขาดความเร็วในเกม
     โชคยังดีสำหรับเขา ที่แฟนๆ หงส์แดงยังเห็นใจในเรื่องนี้ และเราก็หวังว่าเขาจะกลับสู่ฟอร์มเดิมในเร็ววันนี้

3.คูตินโญ่ ฟอร์มตกอย่างน่าใจหาย
     ปีที่แล้ว คูตินโญ่ คือหนึ่งในนักเตะที่โชว์ฟอร์มโดดเด่นระดับต้นๆ ของทีม จนเกือบพาทีมคว้าแชมป์ พรีเมียร์ ลีก แต่มาซีซั่นนี้ จอมทัพร่างจิ๋ววัย 22 ปี กลายเป็นคนละคนไปเลย
     ดูเหมือนว่าเขาจะขาดความมั่นใจไป จากมิดฟิลด์ที่เล่นได้น่าตื่นตาตื่นใจ พากองเชียร์อารมณ์ดี กลับกลายเป็นนักเตะธรรมดาที่จ่ายบอลมั่ว ไร้ประสิทธิภาพไปเสียอย่างนั้น

     แหม อ่านแล้วเพลียจิตเพลียใจ ดูคู่แข่งร่วมกลุ่มอย่าง เรอัล มาดริด สิครับ ถล่ม เอฟซี บาเซิล ไป 5-1 ชนิดยิงไม่ซ้ำหน้า ไล่ฆ่าแบบง่ายๆ ใสๆ น่าวิตกจริงๆครับ หงส์แดงของเรา ที่จะต้องเจอกับพวกเขาในสายซะด้วย จะไปได้ไกลแค่ไหนหนอ ลิเวอร์พูล เมื่อไหร่กันที่ สเตอร์ริดจ์จะกลับมา และ อีกนานไหมที่ ลัลลาน่า กับ คูตินโญ่ จะคืนร่างเดิม อย่าเพิ่งมองไกลครับ เพราะเกมนัดต่อไป คือ พรีเมียร์ ลีก นัดที่ 5 ที่เราจะต้องไปเยือนทีมผีเข้าผีออกอย่าง ขุนค้อน เวสต์แฮม ที่สนามอัพตัน พาร์ค ในวันเสาร์นี้ หวังว่าเราจะชนะแบบง่ายๆ ใสๆ กับเขาบ้างนะครับผม ชาวหงส์แดง เชียร์กันต่อไปครับเพื่อนๆ

 

 

ADS