- สล็อตเว็บตรง
- https://track21houston.com/
- สล็อตเว็บตรง
พรีวิว พรีเมียร์ ลีก ลิเวอร์พูล -vs- สโต๊ค ซิตี้ (22.00 น.)
พรีวิว พรีเมียร์ ลีก ลิเวอร์พูล -vs- สโต๊ค ซิตี้
วันอาทิตย์ที่ 10 เมษายน 2016 เวลา 22.00 น.
สนาม แอนฟิลด์
ผู้ตัดสิน มาร์ค แคลทเท่นเบิร์ก
ถ่ายทอดสด CTH สเตเดี้ยม 2
สภาพทีมล่าสุด : ลิเวอร์พูล
ลิเวอร์พูล จะไร้ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กัปตันทีมที่พัก 6-8 สัปดาห์ จากปัญหาเจ็บเข่า ทางด้าน สเตอร์ริดจ์ และ โรแบร์โต้ ฟีร์เมียโน่ ต้องแย่งว่าใครจะเป็นตัวจริงในแดนหน้า ถัดจาก ดิว็อค โอริกี ที่ยึดตำแหน่งได้ หลังซัด ดอร์ทมุนด์ มาในเกมที่แล้ว ส่วน คริสติย็อง เบนเตเก้ ยังพักยาว 1 เดือนจากอาการที่หัวเข่า แต่ข่าวดีคือ ลูคัส เลว่า และ เควิน สจ๊วร์ต จะมีชื่อในทีมคืนนี้ นอกจากนั้นจะส่ง โจ อัลเลน เป็นตัวจริงแทน เอ็มเร่ ชาน ที่ติดโทษแบน 2 นัด
สภาพทีมล่าสุด : สโต๊ค ซิตี้
ฝั่ง สโต๊ค จะได้ ไรอัน ชอว์ครอสส์ และ เซอร์ดาน ชากิรี่ กลับมาพร้อมฟัดหงส์ในคืนนี้ แต่ในรายของ เกล็นน์ วีแลน เจฟฟ์ คาเมร่อน และ มาร์โก อเนาโตวิช ยังไม่แน่ว่าจะฟิตพอลงเล่นหรือไม่ ส่วนที่พลาดแน่ๆ คือ แจ็ค บัตแลนด์ ที่ข้อเท้าพังจากการช่วยทีมชาติอังกฤษ ต้องพักยาวจนถึงซีซั่นหน้า กระนั้น สโต๊ค ยังคงมีตัวอันตรายอย่าง จอน วอลเตอร์ส ที่มีสถิติที่ดีๆ ในการพบ ลิเวอร์พูล รวมทั้ง โฆเซลู ที่พร้อมล่าตาข่ายในแผงหน้า
คีย์แมน
ลิเวอร์พูล : โรแบร์โต้ ฟีร์เมียโน่
การเซ็นสัญญาประจำฤดูกาลนี้ของ ลิเวอร์พูล ดูจะหนีไม่พ้น ฟีร์เมียโน่ ไปเสียแล้ว แม้จะเริ่มต้นกับทีมอย่างอ่อนแอปวกเปียก แต่ก็ปรับตัวไปอย่างช้าๆ จนกระทั่งนำมาสู่ผลงาน 8 ประตูและ 7 แอสซิสต์ในฤดูกาลแรกบน พรีเมียร์ ลีก โดยเฉพาะการได้ เจอร์เก้น คล็อปป์ มาคุมทีม ยิ่งทำให้เขาเข้าได้ดีกับระบบเพรสซิ่งที่เข้มข้น ฟีร์เมียโน่ จะมีบทบาทสำคัญในการทำประตูและการสร้างโอกาสให้เพื่อนๆ จับตาดูเขาได้เลยในคืนนี้กับการดวล สโต๊ค
สโต๊ค ซิตี้ : ฌิลแบร์ อิมบูล่า
แค่ชื่อก็งงแล้ว คือนี่นักเตะที่ สโต๊ค ดึงเข้ามาจาก เอฟซี ปอร์โต้ เมื่อเดือนมกราคม เพื่อเปลี่ยนแปลงภาพลักษณ์สโมสร อิมบูล่า เป็นมิดฟิลด์ที่เปี่ยมด้วยทักษะ การได้ดาวเตะฝรั่งเศสรายนี้เขามา ก็ทำให้คุณภาพของ สโต๊ค มีมากกว่าที่เคย ในคืนนี้ อิมบูล่า จะเป็นกลจักรสำคัญในการเจาะหมากเพรสซิ่งของเจ้าบ้าน ด้วยลีลาลากเลื้อยที่คล่องแคล่ว การผ่านบอลทะลุช่อง และการสลับจังหวะจากรับเป็นรุก เขาคือคนที่หงส์แดงต้องเอาให้อยู่ หากต้องการคุมเกมให้ได้
วาทะก่อนเกมของผู้จัดการทั้งสองทีม
เจอร์เก้น คล็อปป์ :
"ทุกคนสามารถเห็นได้ว่า สโต๊ค มีฤดูกาลที่ดีมากๆ และพวกเขามีคะแนนนำหน้าเรา 2 แต้ม ด้วยสามแต้มที่เราสามารถคว้าได้ มันจะมีความสำคัญสำหรับเรา แน่นอนในสถานการณ์แบบนี้ คุณต้องการเสียงเชียร์ 100% สำหรับเรามันคือการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่ สำหรับการต่อสู้ครั้งนี้ เราต้องการเสียงของทุกคนใน แอนฟิลด์ หวังอย่างยิ่งว่าเราจะสามารถสร้างบรรยากาศที่ยิ่งใหญ่ เพราะมันเป็นสิ่งที่จำเป็นมากจริงๆ"
มาร์ค ฮิวจ์ส
"มันมีเพียงเป้าหมายเดียวในเกม จากที่เราได้เล่นกับพวกเขาในซีซั่นนี้ เราเล่นได้ดีเป็นพิเศษ ซึ่งเราสมควรชนะในเกมนั้น พวกเขารู้จักพวกเราเป็นอย่างดี และรู้ด้วยว่าเราจะเป็นงานที่ยากสำหรับพวกเขา ซึ่งเราเองให้ความเคารพ ลิเวอร์พูล เป็นอย่างสูงสำหรับสิ่งที่พวกเขาสามารถทำได้ แต่ก็เป็นอีกหนึ่งเกมเยือนที่เราตั้งตารอคอยที่จะไป เพราะเราไม่รู้สึกหวาดหวั่นใด ๆ ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นทีมไหน ๆ ในพรีเมียร์ ลีก"
ฟอร์มการเล่น
เจ้าบ้านผลงานใน แอนฟิลด์ นับว่าเหนียวแน่นแพ้ยาก ด้วยสถิติในทุกรายการ 24 นัด ชนะ 10 เสมอ 9 แพ้ 5 ค่อนข้างยิงได้น้อย และเสียประตูยากยามเล่นในบ้าน ขณะที่ช่างปั้นหม้อผลงานออกนอกรัง 21 นัดในทุกรายการ ชนะ 10 เสมอ 5 แพ้ 6 มีจุดแข็งคือเสียประตูน้อย เฉลี่ยนัดละไม่เกิน 1 ประตู
ประวัติการพบกัน
ลิเวอร์พูล ชนะ 4 จาก 5 ครั้งหลังสุดที่พบกับ สโต๊ค แม้จะมีเสียหน้าไปบ้างจากการโดนถล่มคาบ้าน 6-1 เมื่อซีซั่นที่แล้ว แต่อย่างไรก็ตาม การสู้กัน 3 หนล่าสุดในฤดูกาลนี้ จบลงด้วยสกอร์ 0-1 ของทีมเยือนทั้งหมด
รายชื่อนักเตะที่คาดว่าจะลงสนาม
ลิเวอร์พูล (4-2-3-1) : ซิมง มิโญเล่ต์ - นาธาเนี่ยล ไคลน์, โคโล่ ตูเร่, มาร์ติน สเคอร์เทล, อัลแบร์โต้ โมเรโน่ - เควิน สจ๊วร์ต, โจ อัลเลน - เจมส์ มิลเนอร์, โรแบร์โต้ ฟีร์เมียโน่, เชยี่ โอโจ้ - แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์
สโต๊ค ซิตี้ (4-2-3-1) : ยาค็อบ เฮาการ์ด - ฟิล บาร์ดสลี่ย์, เจฟฟ์ คาเมร่อน, ฟิลิปป์ โวลล์ไชด์, เอริค ปีเตอร์ส - ฌิลแบร์ อิมบูล่า, ชาร์ลี อดัม - เซอร์ดาน ชากิรี่, อิบราฮิม อเฟลลาย, โบยาน เกอร์กิซ - โฆเซลู
ทรรศนะ Siamliverpool
ที่จริงการเจอกันของ ลิเวอร์พูล และ สโต๊ค ไม่เคยเป็นงานง่ายเลยของทั้งสองทีม แต่ครั้งนี้แตกต่างไปจากเดิม ด้วยปัจจัยการขาดผู้เล่นคีย์แมนอย่าง อนาโตวิช รวมถึงรายอื่นๆ อย่าง ชอว์ครอสส์, คาเมร่อน, ชากิรี่ ที่ถึงแม้จะลงเล่นก็ไม่ฟิตเต็มร้อย เช่นเดียวกับโกล์ มือ 1 อย่าง บัตแลนด์ ที่ปิดเทอมก่อนใคร ผิดกับเจ้าบ้านหงส์แดง ที่แม้จะขาด เอ็มเร่ ชาน และ เฮนเดอร์สัน แต่ขุมกำลังยังปึ้กเต็มที่ โดยเฉพาะการมี ฟีร์เมียโน่ และ สเตอร์ริดจ์ ที่สมบูรณ์ และกระหายยิงประตู ผนวกกับความมั่นใจจากการเสมอ ดอร์ทมุนด์ มา ผลการแข่งขันจึงน่าจะมาทางเดียวคือ 3 แต้มของเจ้าบ้านด้วยสกอร์ที่ห่างเกิน 1 ประตู
ฟันธง : ลิเวอร์พูล ชนะ 2-0