ถึงเวลาแล้วของกัปตันเฮนโด้ กับอนาคตในแอนฟิลด์นับจากนี้
นับตั้งแต่ สตีเว่น เจอร์ราร์ด กัปตันเจิดของพวกเราบาดเจ็บไปนาน ด้วยอาการเรื้อรังที่เอ็นร้อยหวายเป็นต้นมา ฟอร์มของ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน มิดฟิลด์พลังม้าที่เดอะค็อหลายๆ คนตั้งข้อสงสัยมานานว่าฝีเท้าของเขาคู่ควรกับปลอกแขนกัปตันมากน้อยแค่ไหน และยิ่งไปกว่านั้นหลายคนถึงกับดูแคลนว่าเขามีดีพอเล่นให้ ลิเวอร์พูล รึเปล่าด้วยซ้ำ
ความร้อนแรงของ เฮนเดอร์สัน วัย 24 ปี อดีตกองกลางทีมแมวดำเริ่มฉายแววออกมาในเกมที่พบ เบิร์นลี่ย์ เกมนั้นเขาโชว์ผลงานทั้งการยิงไกลสุดสวย จนได้ฉลองประตูต่อหน้าอัฒจรรย์เดอะค็อป แถมยังจ่ายให้เพื่อนยิงได้อีก 1 ประตูด้วย ซึ่งทั้งหมดที่ว่ามา ล้วนเป็นเครื่องหมายการค้าของ เจอร์ราร์ด มาตลอดกว่า 16 ปี
จนเป็นที่กล่าวขวัญว่า หรือ เฮนเดอร์สัน จะเป็นร่างทรงคนใหม่ของกัปตันเจิด ที่จะขึ้นมาทดแทนเขานับจากนี้ ??
เทียบกันในช่วงที่อายุไล่เลี่ยกัน สองคนนี้มีความคล้ายคลึงกันในแง่ของการเล่นบอลที่เรียบง่าย มีพละกำลังที่เพียงพอต่อการวิ่งตลอดทั้งเกม แต่ เฮนโด้ ยังไปไม่ถึงจุดที่จะเป็นขวัญใจให้กองเชียร์สักเท่าไร แถมความแตกต่างคือเส้นทางอาชีพที่ก้าวมาคนละแบบ
เจอร์ราร์ด ลงเล่นให้ ลิเวอร์พูล ตั้งแต่อายุ 19 ปีในฐานะเด็กชุดเยาวชนที่เลือนชั้นขึ้นมาในปี 1998 และนั่นหมายถึงว่าเขาเริ่มต้นจากศูนย์จนกลายมาเป็นซูเปอร์สตาร์ในทุกวันนี้
เขาประสบปัญหาอาการบาดเจ็บบ่อยมากในช่วงเริ่มอาชีพค้าแข้งใหม่ๆ แถมถูกสลับตำแหน่งไปเรื่อยในตอนแรก ไม่ว่าจะเป็น แบ็กขวา, มิดฟิลด์ตัวรับ, มิดฟิลด์ตัวรุก, ปีกขวา หรือแม้แต่กองหน้าจำเป็นก็เล่นมาหมดแล้ว และนั่นคือความโดดเด่นที่เขาทำมาเพื่อทีมตลอดกว่า 10 ปี
ขณะที่ เฮนเดอร์สัน ผู้ซึ่งย้ายมาจาก ซันเดอร์แลนด์ เมื่อปี 2011 ในราคา 20 ล้านปอนด์ พร้อมเสียงวิจารณ์ว่าค่าตัวแพงกว่าฝีเท้า จนทำให้ชีวิตการค้าแข้งของเขาขึ้นๆ ลงๆ ในถิ่น แอนฟิลด์
ผู้เชี่ยวชาญลูกหนังหลายคนปรามาสว่า ลิเวอร์พูล บ้าหรือเปล่าที่ลงทุนเงินมหาศาลเพื่อคว้าตัวนักเตะที่ไม่ได้มีดีอะไรนอกจากความขยันไปเพื่ออะไร นอกจากนั้นเขายังเคยเกือบมีโอกาสได้ย้ายออกจากทีม หลังตกเป็นส่วนหนึ่งของข้อเสนอในการดึงตัว คลินท์ เดมซี่ย์ ของ ฟูแล่ม ในขณะนั้นเมื่อ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส เข้ามาคุมทีมในปี 2012 ต่อจาก เคนนี่ ดัลกลิช ที่พ้นตำแหน่งไป
แต่เจ้าตัวก็ปฎิเสธที่จะยอมแพ้ และเลือกจะไม่ย้ายทีมเพื่อขอพิสูจน์ตัวเองออกไป ซึ่งนั่นคือจุดเปลี่ยนอย่างหนึ่งที่ทำให้เขาเติบโตในถิ่น แอนฟิลด์ มาจนถึง ณ ขณะนี้
แม้พัฒนาการของเขาจะเป็นไปอย่างเชื่องช้า แต่ท้ายที่สุดเราเห็นแล้วว่าเขาสามารถเอาชนะใจ ร็อดเจอร์ส ได้สำเร็จ พร้อมทั้งจองตำแหน่งตัวจริงไว้ได้
ว่ากันว่าสาเหตุที่หงส์แดงชวดแชมป์ พรีเมียร์ลีก เมื่อฤดูกาลก่อน ก็อาจเกิดจากการที่ เฮนโด้ ติดโทษแบนไม่ได้ลงสนามช่วยทีมใน 2-3 นัดสุดท้าย ซึ่งผลลัพธ์ที่ออกมาคือการแพ้ให้ เชลซี และหนักไปกว่านั้นคือการเสมอ คริสตัล พาเลซ จนเราได้เห็นน้ำตาของ หลุยส์ ซัวเรซ ร่วงมาแล้วในคืนนั้น
นับตั้งแต่นั้น เฮนเดอร์สัน ก็พัฒนาตัวเองขึ้นอย่างต่อเนื่องแม้จะเป็นไปอย่างช้าๆ แต่ยิ่งนานวันค่าตัว 20 ล้านปอนด์ของเขาก็ยิ่งผลิดอกออกผลตอบแทนอย่างคุ้มค่า
บทบาทกัปตันทีมเฉพาะกิจในปีนี้ เริ่มคลายความสงสัยเมื่อเราได้เห็นเขาเผชิญหน้าปกป้องทีมในการเจอกับ ดีเอโก้ คอสต้า ที่เล่นตุกติกตลอดทั้งเกม ทั้งในสนามและลือกันว่ามีจัดกันต่อในอุโมงค์อีกด้วย ในเกมที่ แคปิตอล วัน คัพ รอบรองชนะเลิศเมื่อมกราคมที่ผ่านมา
ถึงตอนนี้ เฮนเดอร์สัน ก็ถือว่าเขาก้าวใกล้ที่ขึ้นมาเป็นกัปตันให้ทีมได้อย่างภาคภูมิใจ เห็นได้ว่า ณ เวลานี้ เขาคือคนที่ทีมขาดไม่ได้อีกแล้ว สวนทางกับ สตีเว่น เจอร์ราร์ด ที่ใกล้หมดสภาพแล้วก่อนจะไป แอลเอ กาแล็กซี่ หลังจบฤดูกาล
ดังนั้นการทีมจะไม่มี เจอร์ราร์ด อย่างถาวรไปตลอดกาล อาจไม่ได้แย่อย่างที่ใครๆ คิด แต่กลับเป็นความแข็งแกร่งที่มากกว่าเดิม อย่างน้อยผลงานของทีมในตอนนี้ที่บอกได้ถึงอนาคตที่จะเกิดขึ้นจากนี้ไป
เฮนเดอร์สัน อาจจะไม่ใช่ เจอร์ราร์ด คนใหม่ แต่เราเชื่อว่าเขามีศักยภาพที่จะเป็นกัปตันที่ยอดเยี่ยมได้แน่ และจับตาดูกันให้ดีกับความร้อนแรงของเขากับ ลิเวอร์พูล ต่อไปในฐานะกลจักรตัวสำคัญของทีม