6. อลัน เดวิด ฮันเซ่น

อลัน ฮันเซ่น
ชื่อ : อลัน ฮันเซ่น
สัญชาติ : สกอตแลนด์
วันเกิด : 13 มิถุนายน 1955
ตำแหน่ง : กองหลัง
ลงเล่น : 620 นัด
ยิงประตู : 14 ประตู
เท้าที่ถนัด : เท้าขวา
ย้ายร่วมทีม : 5 พฤษภาคม 1977
นัดแรก : 24 กันยายน 1977

ประวัติส่วนตัว "อลัน ฮันเซ่น"

ประวัติส่วนตัว

          อลัน เดวิด ฮันเซ่น (เกิด 13 มิถุนายน 1955) เป็นอดีตนักฟุตบอลชาวสกอตแลนด์ และผู้สันทัดกรณีลูกหนังของ บีบีซี เทเลวิชั่น เขาเคยเล่นให้กับสโมสร พาร์ทิค ธิสเทิ่ล, ลิเวอร์พูล และทีมชาติสกอตแลนด์ โดยในปี 1990 เขาเป็นนักเตะคนแรกที่ความแชมป์ลีกฟุตบอลอังกฤษที่แตกต่างถึง 3 ทศวรรษ

ประวัติการค้าแข้ง

- พาร์ทิค ธิสเทิ่ล (1973-1977)

          ฮันเซ่น มีโอกาสได้ศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัย อเบอร์ดีน และเขากับพี่ชายได้เข้าร่วมกับสโมสร พาร์ทิค ธิสเทิ่ล ฮันเซ่น ได้มีส่วนร่วมในเกมชิงชนะเลิศ สกอตติช ลีกคัพ ในปี 1971

          หลังจากที่เข้าสามารถยึดตำแหน่งตัวจริงของทีม ฮันเซ่น ได้ถูกจับตามองจากหลายสโมสรชั้นนำ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ บ็อบ เพียสลี่ย์ ผู้จัดการทีม ลิเวอร์พูล ในตอนนั้น เมื่อฤดูกาล 1975-76 เขาลงเล่น 21 ครั้งให้กับ ธิสเทิ่ล และพาทีมได้แชมป์ สกอตติช ดิวิชั่น หนึ่ง เลื่อนชั้นสู่ สกอตติช พรีเมียร์ลีก ท้ายที่สุดของฤดูกาลนั้น เขาลงสนามด้วยการเป็นตัวจริงให้กับทีม 35 เกม ก่อนที่จะเก็บข้าวของเพื่อเดินทางลงใต้ไปยัง ลิเวอร์พูล เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 1977 หลังจากที่เขาเดินทางมาถึงสนาม แอนฟิลด์ แล้ว ฉายาเดิมน่ารังเกลียดที่ถูกเรียกยาวนานหลายปี "สเตรตช์" ได้ถูกลบลืมไป และฉายาใหม่ "จ็อกกี้ย์" ก็ได้ถือกำเนิดขึ้น

- ลิเวอร์พูล (1977-1991)

          "หงส์แดง" คว้าตัว ฮันเซ่น ค่าตัว 110,000 ปอนด์ (ประมาณ 6 ล้านบาท) เขาถูกส่งลงสนามในฐานะนักเตะ ลิเวอร์พูล เป็นครั้งแรก เมื่อวันที่ 24 กันยายน 1977 ในเกมลีกที่สนาม แอนฟิลด์ พบกับ ดาร์บี้ เคาน์ตี้ แต่ประตูแรกที่เขาทำให้กับทีม เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม ในเกม ยูโรเปี้ยน คัพ รอบสอง เลกแรก ที่สนาม แอนฟิลด์ เช่นกัน โดยเขายิงประตูแรกของเกมในนาทีที่ 14 และช่วยให้ทีมเอาชนะ ดินาโม เดรสเดน 5-1

          ในฤดูกาลถัดไป ฮันเซ่น ได้อยู่ในทีมชุดแชมป์ลีกฤดูกาล 1978-79 โดยในฤดูกาลนั้น ซึ่งเขาได้รับความไว้วางใจให้เป็น เซ็นเตอร์แบ็ค อันดับแรกของ ลิเวอร์พูล ยาวต่อเนื่องจนถึงฤดูกาล 1979-80 ที่พวกเขาได้เป็นแชมป์สองสมัยติดต่อกัน

          ในซีซั่น 1980-81 "หงส์แดง" คว้ารางวัลถึงสองถ้วย แต่ไม่สามารถรักษาแชมป์ลีกได้ โดยเสียแชมป์ให้กับ แอสตัน วิลล่า ซึ่ง ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์แรกในศึก ลีก คัพ ในปี 1981 หลังจากที่บุกไปเฉือนชนะ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด 2-1 ในนัดรีเพลย์ ที่สนาม วิลล่า พาร์ค ส่วนแชมป์ที่สอง เป็นรายการ ยูโรเปี้ยน คัพ ที่พวกเขาเอาชนะ เรอัล มาดริด 1-0 ที่สนาม ปาร์ค เดส ปริ้นส์ ในกรุงปารีส เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 1981

          โดยในฤดูกาล 1981-82 แชมป์ลีกสูงสุดก็กลับมาสู่ถื่น แอนฟิลด์ อีกครั้ง แถมยังรักษาแชมป์ ลีก คัพ ด้วยการเอาชนะ "ไก่เดือยทอง" ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ 3-1 แต่อย่างไรก็ดี ฮันเซ่น ไม่สามารถลงรับใช้ทีมในเกมนี้ได้ เนื่องจากได้รับบาดเจ็บ แต่ ลิเวอร์พูล ไม่สามารถรักษาบัลลังค์แชมป์ในศึก ยูโรเปี้ยน คัพ ได้ในปี 1982 ด้วยการพ่ายให้กับ ซีเอสเคเอ โซเฟีย ด้วยประตูรวม 2-1 ตกรอบ 8 ทีมสุดท้ายไปอย่างน่าเสียดาย

          ในฤดูกาล 1982-83 ลิเวอร์พูลสามารถรักษาแชมป์ลีกสูงสุด และศึก ลีก คัพ ได้ ด้วยการเอาชนะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 2-1 ในช่วงต่อเวลาพิเศษ ในรอบชิงชนะเลิศ ที่สนาม เวมบลี่ย์ ซึ่งหลังจากนั้น บ็อบ เพียสลี่ย์ ผู้ที่เซ็นสัญญาคว้าตัว ฮันเซ่น มาร่วมทีมในปี 1977 ได้ ลาออกจากตำแหน่งหลังจากจบฤดูกาล 1982-83 และได้แต่งตั้ง โจ ฟาแกน รับหน้าที่ผู้จัดการทีมแทน

          ในซีซั่น 1983-84 ลิเวอร์พูล ประสบความสำเร็จ ด้วยการคว้าทริปเปิลแชมป์ ในฤดูกาลแรกของ ฟาแกน ในฐานะผู้จัดการทีม ได้แก่ แชมป์ลีกสูงสุด, ลีก คัพ และ ยูโรเปี้ยน คัพ โดย ฮันเซ่น มีส่วนร่วมกับเหตุการณ์ที่เป็นที่ถกเถียงกันว่าบอลข้ามเส้นไปแล้วหรือยัง ในเกมที่พบกับ เอฟเวอร์ตัน ในรอบชิงชนะเลิศ ซึ่งผู้ตัดสินไม่ให้เป็นประตูแก่ "ท๊อฟฟี่เมน" และก็เป็นทางด้าน ลิเวอร์พูล ที่สามารถเอาชนะได้ในภายหลัง ในนัดรีเพลย์ที่สนาม ไมน์ โร้ด

          ลิเวอร์พูล ได้ครองบัลลังค์แชมป์ ยูโรเปี้ยน คัพ ในปี 1984 หลังจากเอาชนะยอดทีมจากโรมาเนียอย่าง ดินาโม บู คาเรสต์ ด้วยสกอร์รวม 3-1 ในรอบรองชนะเลิศ ทะลุเข้าไปชิงชนะเลิศกับ "หมาป่า" โรม่า และก็เป็นทางด้าน ลิเวอร์พูล ที่สามารถเอาชนะไปด้วยการยิงจุดโทษ หลังจากเสมอกันในเวลา 1-1 คว้าแชมป์ได้ในที่สุด

          "หงส์แดง" ไม่ได้แชมป์ใด ๆ เลย ในฤดูกาล 1984-85 แถมยังถูกแบนในรายการยุโรป จากกรณีแฟนบอลทะเลาะกันระหว่างเกม ลิเวอร์พูล พบกับ ยูเวนตุส จนถึงขั้นเสียชีวิตไปถึง 39 ราย ซึ่ง "เจ้าม้าลาย" เอาชนะไปได้ 1-0 เขี่ย ลิเวอร์พูล ตกรอบไป และยังถูกแบนห้ามลงแข่งขันรายการนี้ในปีหน้าอีกด้วย

          หลังจากผ่านเหตุการณ์โศกนาฏกรรมที่ เฮย์เซล ทำให้ โจ ฟาแกน ตัดสินใจลาออกจากตำแหน่ง และทำให้เพื่อนร่วมทีมของเขาอย่าง เคนนี่ ดัลกิลช รับหน้าที่ผู้เล่น-ผู้จัดการทีมในขณะนั้น เขาได้มอบปลอกแขนกัปตันทีมให้กับ ฮันเซ่น และในปี 1986 ซึ่งเขาได้มีโอกาสชูถ้วยแชมป์ถึงสองครั้งในฐานะกัปตันทีม ด้วยการเป็นแชมป์ลีกสูงสุด และแชมป์ เอฟเอ คัพ

          ฮันเซ่น ไม่สามารถลงเล่นในรายการใดได้เลย ในระหว่างฤดูกาล 1990-91 และตัดสินใจแขวนสตั๊ดในเดือนมีนาคม 1991 หนึ่งเดือนหลังจากที่ เคนนี่ ดัลกลิช ได้เซ็นสัญญาเป็นผู้จัดการทีม เขาสร้างชื่อในอาชีพการค้าแข้งกับ ลิเวอร์พูล ด้วยการคว้า 8 แชมป์ลีก, 3 แชมป์ ยูโรเปี้ยน คัพ, 2 แชมป์ เอฟเอ คัพ, 4 แชมป์ ลีก คัพ

เกียรติประวัติและผลงานที่ผ่านมา

นักฟุตบอล

ระดับสโมสร

- พาร์ทิค ธิสเทิ่ล
          - แชมป์ สกอตติช ดิวิชั่น หนึ่ง 1 สมัย : (1975-76)

- ลิเวอร์พูล
          - แชมป์ ดิวิชั่น หนึ่ง 8 สมัย : (1978-79, 1979-80, 1981-82, 1982-83, 1983-84, 1985-86, 1987-88, 1989-90)
          - แชมป์ เอฟเอ คัพ 2 สมัย : (1985-86, 1988-89)
          - แชมป์ ลีก คัพ 4 สมัย : (1980-81, 1981-82, 1982-83, 1983-84)
          - แชมป์ ซูเปอร์ คัพ 1 สมัย : (1985-86)
          - แชมป์ เอฟเอ ชาริตี้ ชิลด์ 6 สมัย : (1978, 1980, 1981, 1983, 1987, 1990)
          - แชมป์ ยูโรเปี้ยน คัพ 3 สมัย : (1977-78, 1980-81, 1983-84)


2014-02-03