50. ลาซาร์ มาร์โควิช

ประวัติส่วนตัว
       มาร์โควิช เริ่มเล่นฟุตบอลกับทีมเยาวชน โบรัค คาชัก ซึ่งอยู่แถวๆบ้านของเขานั่นเอง เมื่ออายุได้เพียง 12 ปี มาร์โควิช ได้เข้าร่วมฝึกกับทีมอย่าง ปาร์ติซาน เบลเกรด ในปี 2006 เขาใช้เวลาเพียง 5 ปี ก็สามารถผลักดันตัวเองให้ขึ้นไปติดทีมชุดใหญ่ของ ปาร์ติซาน ได้แล้ว โดยโค้ชอย่าง อเล็กซานดาร์ สแตนโนเวนิช ดึงเขาขึ้นไปเล่นในวันที่ 29 พฤษภาคม 2011 ซึ่งเป็นนัดสุดท้ายของศึก ซูเปอร์ลีก้า เขาได้สวมเสื้อเบอร์ 50 และถูกเปลี่ยนตัวลงไปในครึ่งหลัง ซึ่งเกมนั้นทีมของ มาร์โควิช ก็สามารถเอาชนะและคว้าแชมป์มาครองได้สำเร็จ

ปาร์ติซาน เบลเกรด (ฤดูกาล 2011-2013)
       เมื่อวันที่ 11 กรกฏาคม 2011 ลาซาร์ มาร์โควิช ได้สัญญาเป็นนักเตะอาชีพกับ ปาร์ติซาน เป็นระยะเวลาทั้งหมด 5 ปี และก็ได้ลงเล่นเกมแรกในฐานะนักเตะอาชีพในฤดูกาล 2011-2012 ในเกมที่พบกับ สเคนดิจา ของรอบคัดเลือกศึก ยูฟ่าแชมป์เปี้ยนส์ลีก แต่ในเกมนี้เขาได้ลงไปเล่นเพียงแค่ 3 นาทีสุดท้ายของเกม เขาสามารถทำประตูแรกได้ในอาชีพการค้าแข้งด้วยการยิง โนวี่ ปาซาร์ ซึ่งเป็นเกมในลีก เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2011 หลังจากจบฤดูกาลแรกของเขา เขาสามารถคว้ารางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมแห่งปีของสโมสร ปาร์ติซาน ได้สำเร็จจากผลการโหวตจากแฟนๆในสโมสรผ่านทางเว็บไซต์ ซึ่งฤดูกาลแรกนี้ มาร์โควิช ได้ลงเล่นไปทั้งหมด 26 เกมและยิงไปได้ 6 ประตู แถมยังติดเป็นทีมยอดเยี่ยมแห่งปีของ ซูเปอร์ลีก้า ฤดูกาล 2011-2012 อีกด้วย

       เข้าสู่ฤดูกาล 2012-2013 ซึ่งเป็นฤดูกาลที่ 2 กับ ปาร์ติซาน เบลเกรด มาร์โควิช มีส่วนสำคัญอย่างมากในการพา ปาร์ติซาน ผ่านเข้าสู่รอบแบ่งกลุ่มของ ยูฟ่าแชมป์เปี้ยนส์ลีก ได้เป็นครั้งแรกของประวัติศาสตร์สโมสร แถมฟอร์มในลีกก็ยังร้อนแรงอีกด้วย ฤดูกาลนี้ มาร์โควิช ลงเล่นไปทั้งหมด 19 นัดและยิงไปทั้งหมด 7 ประตู ติดทีมยอดเยี่ยมของ ซูเปอร์ลีก้า เป็นปีที่สองติดต่อกัน แถมฤดูกาลนี้ยังติดเป็น 25 ผู้เล่นที่ดีที่สุดของ ซูเปอร์ลีก้า อีกด้วย

เบนฟิก้า (ฤดูกาล 2013-2014)

       10 มิถุนายน 2013 ลาซาร์ มาร์โควิช เกือบได้ไปซบเชลซีอยู่แล้วด้วยสัญญาการยืมตัว แต่เนื่องด้วยเชลซี ทำท่าเหมือนว่าอยากได้แบบไม่จริงจัง ทำให้ทุกอย่างมันดูล่าช้าไปหมด และสุดท้ายก็เป็น เบนฟิก้า ที่อยากได้ตัวนักเตะรายนี้ไปจริงๆเข้ามาตัดหน้าเซ็นสัญญาคว้าตัว มาร์โควิช ไปครองได้สำเร็จ ซึ่งเซ็นสัญญาด้วยกันทั้งหมด 5 ปี ทางเชลซีไม่ยอม ยังมาตามขอยืม มาร์โควิช จากเบนฟิก้า อีก แต่ทางด้านสโมสรเบนฟิก้า ก็ได้ปฏิเสธข้อเสนอไป ในวันที่ 25 สิงหาคม 2013 มาร์โควิช ลงเล่นให้กับเบนฟิก้าเป็นเกมแรกโดยพบกับ กิล วินเซนท์ ซึ่งก็เป็น มาร์โควิช ที่สามารถซัดประตูชัยในนาที 92 ช่วยให้เบนฟิก้าเอาชนะไปได้ในเกมนี้ 2-1 หลังจากนั้น เกมกับ สปอร์ตติ้ง ลิสบอน ลาซาร์ โชว์ฟอร์มเหนือด้วยการเลื้อยหลบผู้เล่น สปอร์ตติ้ง ถึง 3 คนก่อนซัดประตูตีเสมอให้กับทีม วันที่ 1 พฤษภาคม 2014 ในเกมยูโรป้า ลีก กับ ยูเวนตุส มาร์โควิช ก็มาโดนใบแดงเป็นครั้งแรก หลังไปมีเรื่องกับ มาร์โค วูซินิก ศูนย์หน้าของ ยูเว่ ทำให้เขาพลาดการลงสนามในนัดชิงชนะเลิศ เขาลงเล่นให้เบนฟิก้าไปทั้งหมด 26 นัดและสามารถยิงไปได้ 5 ประตู

ลิเวอร์พูล (ปัจจุบัน)
       15 กรกฏาคม 2014 ''หงส์แดง'' ลิเวอร์พูล จัดการเซ็นสัญญา ลาซาร์ มาร์โควิช เข้าสู่ถิ่นแอนฟิลด์ ด้วยค่าตัว 20 ล้านปอนด์(ประมาน 1,100 ล้านบาท)

ระดับชาติ
       ตุลาคม 2009 มาร์โควิช พาทีมชาติเซอร์เบียยู-17 เข้าไปเล่นในรอบคัดเลือกของ ยูโร 2010 ในปี 2011 เขาก็เลื่อนขึ้นมาอีกหนึ่งสเต็ปสำหรับการลงเล่นให้กับทีมชาติโดยติดทีมชาติเซอร์เบียชุดยู-21 ไปเล่นรอบคัดเลือกยูโร 2013 แล้วในที่สุดวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2012 มาร์โควิช ถูกเรียกขึ้นมาติดทีมชาติเซอร์เบียชุดใหญ่จนได้โดยได้เล่นในเกมอุ่นเครื่องกับ อาร์เมเนีย และ ไซปรัส ประตูแรกในทีมชาติของเขาเกิดขึ้นในเกมอุ่นเครื่องที่พบกับทีมชาติชิลี

ความสำเร็จ
ระดับสโมสร
ปาร์ติซาน เบลเกรด
-แชมป์เซอร์เบีย ซูเปอร์ลีก้า 2010-2011 , 2011-2012 , 2012-2013
เบนฟิก้า
-แชมป์ลีก 2013-2014
-เอฟเอ คัพ โปรตุเกส 2013-2014
-ลีกคัพ โปรตุเกส 2013-2014
ส่วนตัว
-ทีมยอดเยี่ยม เซอร์เบีย ซูเปอร์ลีก้า 2011-2012 , 2012-2013
-นักเตะยอดเยี่ยมประจำเดือน โปรตุกีสลีก เดือน มกราคม/กุมภาพันธ์ 2014
-ทีมยอดเยี่ยม ยูโรป้าลีก 2013-2014

---

---