ราฟาเอล เบนิเตซ

ราฟาเอล เบนิเตซ มูเดส
ชื่อ : ราฟาเอล เบนิเตซ มูเดส
สัญชาติ : สเปน
วันเกิด : 16 เมษายน 1960
ตำแหน่ง : อดีตผู้จัดการทีม
เซ็นสัญญา : -
อยู่กับทีมมาตั้งแต่ : -

ประวัติส่วนตัว "ราฟาเอล เบนิเตซ มูเดส"

     

     ซัมเมอร์ปี 2004 สโมสรลิเวอร์พูล แต่งตั้ง ราฟาเอล เบนิเตซ อดีตกุนซือบาเลนเซีย เข้ามารับงานคุมทีมเมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2004 เป็นเวลา 3 สัปดาห์หลังจาก เชราร์ อุลลิเยร์ ผู้จัดการทีมชาวฝรั่งเศสได้ขอลาออกจากตำแหน่ง โดยต้นสังกัดได้เซ็นสัญญากับเบนิเตซเป็นระยะเวลา 5 ปี

     เบนิเตซ สร้างชื่อในฐานะโค้ชด้วยการพาบาเลนเซียคว้าแชมป์ลา ลีกา สเปน มาครองได้ 2 ครั้ง และแชมป์ยูฟ่า คัพ อีก 1 ครั้ง ก่อนที่จะตัดสินใจย้ายมาคุมทีมลิเวอร์พูล "เอล บอส" ได้ให้สัมภาษณ์ทิ้งทวนก่อนจากต้นสังกัดเดิมอย่าง "ไอ้ค้างคาว" นี่เป็นการตัดสินในครั้งที่ยากที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิตของผม เพราะผมไม่สามารถไปต่อได้อีกแล้ว ผมพยายามแล้วที่จะพูดคุยเรื่องสัญญาใหม่กับทีม แต่ราวกับว่าหลายสิ่งหลายอย่างระหว่างผมและสโมสรดูจะไม่ลงตัวเอาเสียเลย ทำให้ผมคิดว่าถึงเวลาแล้วที่ผมต้องตัดสินใจใหม่เกี่ยวกับอนาคตของตัวเอง

     "ผมและครอบครัวกำลังวิเคราะห์กันอยู่ว่าจะตัดสินใจเกี่ยวกับอนาคตของเราใน 2-3 วันข้างหน้านี้ โดยส่วนตัว ผมอยากจะขอบคุณทุกคน ทั้งนักเตะ สต๊าฟท์และลูกจ้างทุกคนของที่นี่ รวมไปถึงสื่อมวลชน และทีพิเศษสุดคือแฟนบอลบาเลนเซียสำหรับการสนับสนุนที่ดีตลอดมาของพวกเขา"

     เบนิเตซจบประโยคที่เขาพูดไว้แค่นั้นและออกจากห้องแถลงข่าวไปทั้งน้ำตานองหน้า โดยไม่สามารถจะกล่าวถ้อยคำอีก 2 บรรทัดที่เหลือได้ ซึ่งมีใจความว่า "ผมมีลูกสาว 2 คน หนึ่งในนั้นเป็นแฟนบาเลนเซีย และบาเลนเซียจะยังอยู่ในความคิดและจิตใจของผมตลอดไป"


     ช่วงเริ่มงานในถิ่นแอนฟิดล์ ด้านเบนิเตซ สามารถซื้อใจแฟนบอลได้อย่างรวดเร็ว เมื่อจัดการรั้งสตีเว่น เจอร์ราร์ด กัปตันทีมให้อยู่กับลิเวอร์พูล ต่อไป ภายหลังที่ถูกเชลซี ตามจีบอยู่นาน ทว่า ราฟา ไม่สามารถกล่อม ไมเคิ่ล โอเว่น ให้อยู่กับทีมต่อไป โดย "เบบี้โกล์" เลือกย้ายไปหาความท้าทายใหม่ๆกับเรอัล มาดริด ยักษ์ใหญ่ในลา ลีกา

     อย่างไรก็ตาม ผลงานของเบนิเตซกับลิเวอร์พูลในฤดูกาลแรก ดำเนินไปแบบไม่ราบลื่น โดยเฉพาะฟอร์มในพรีเมียร์ลีก สาเหตุคงหนีไม่พ้นอาการบาดเจ็บของบรรดาแกนหลัก สุดท้าย "หงส์แดง" จบเพียงอันดับที่ 5 มีคะแนนตามหลังแชมป์อย่างเชลซีถึง 38 คะแนน นอกจากนี้ทีมต้องตกรอบ 3 เอฟเอ คัพ ด้วยฝีมือทีมต่ำชั้นกว่าอย่างเบิร์นลี่ยส์ และพ่ายแพ้เชลซีอย่างเจ็บแสบในนัดชิงคาร์ลิ่ง คัพ

     แต่ชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่เบนิเตซทำให้กับลิเวอร์พูลก็คือการพาทีมคว้าแชมป์ แชมเปี้ยนส์ ลีกมาครองได้สำเร็จ ทั้งๆ ที่ไม่ติดอยู่ในกลุ่มทีมวางด้วยซ้ำ แต่ชัยชนะเหนือยูเวนตุสในรอบ 8 ทีมสุดท้าย กับการกำชัยเหนือเชลซีในรอบรองชนะเลิศ และท้ายสุดการดวลจุดโทษเอาชนะเอซี มิลานในรอบชิงชนะเลิศ

     "เอล บอส" สร้างประวัติศาสตร์อันเกรียงไกรให้ทีมคว้าแชมป์ใบนี้กลับแอนฟิลด์ได้อีกครั้งหลังจากห่างหายความสำเร็จไปนานถึง 20 ปี หลังจากนั้นในปี 2005 เขาได้พาลิเวอร์พูลคว้าแชมป์ยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีกและแชมป์ซูเปอร์คัพ นอกจากนั้นเขายังพาลูกทีมคว้าแชมป์เอฟเอคัพ และแชมป์คอมมิวนิตี้ ชิลด์ได้ในปี 2006

     เบนิเตซ กลายเป็นผู้จัดการทีม คนที่สามตามหลัง บ็อบ เพสลีย์ และ โชเซ มูริณโญ่ ซึ่งสามารถพาทีมคว้าแชมป์ยูฟ่าคัพ และแชมเปียนส์ลีก ได้ในปีเดียวกัน และยังเป็นผู้จัดการทีมคนแรกที่สามารถนำทั้งสองทีมคว้าแชมป์ข้างต้นได้ เขาได้มาเป็นผู้จัดการทีมคนที่สองของลิเวอร์พูล หลังจากโจ เฟแกน ที่สามารถนำทีมคว้าแชมป์ยูฟ่าคัพและยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกได้ในการคุมทีมครั้งแรกของเขา


     ในฤดูกาล 2005-06 แฟนบอลลิเวอร์พูลต่างก็หวังว่า เบนิเตซจะพาทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ชิพมาครองได้เช่นกันเหมือนกับที่เขาพาทีมคว้าแชมป์ แชมเปี้ยนส์ ลีกมาประดับสโมสรได้สำเร็จมาแล้ว ทว่าเฮดโค้ชชาวสเปน ได้มีการโละนักเตะออกจากทีมหลายราย ไม่ว่าจะเป็น เจอร์ซี่ย์ ดูเด็ก ฮีโร่ในเกมนัดชิงยูซีแอล แต่ก็ไม่ดีพอที่จะอยู่ในแผนการทำทีมของ ราฟา เมื่อกุนซือหน้าติดหนวด ดอดไปเซ็นสัญญากับ เปเป้ เรน่า มาเป็นโกล์มือหนึ่ง

     นอกจากนั้น วลาดิเมียร์ ซมิเซอร์ และอิกอร์ บิสคาน ก็ถูกขายทิ้ง เนื่องจากไม่อยู่ในแผนการทำทีมของเบนิเตซ เช่นเดียวกับโฆเซมี่ และอันโตนิโอ นูเนซ ขณะที่ ปีเตอร์ เคราซ์, โมฮาเหม็ด ซิสโซโก้, แดเนี่ยล แอ็กเกอร์ ถูกซื้อเข้ามาทดแทน รวมถึงดาวยิงขวัญใจ "เดอะ ค็อป" อย่างร็อบบี้ ฟาวเลอร์ ก็ถูกดึงตัวกลับมาล่าตาข่ายอีกครั้ง


     การเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ส่งผลให้สถานะของทีมในพรีเมียร์ลีกดีขึ้น เมื่อ "หงส์แดง" บินสูงถึงอันดับ 3 และตามหลังรองจ่าฝูงเพียงคะแนนเดียว อีกทั้งทีมจากเมอร์ซี่ย์ไซด์ ยังคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ มาครอง หลังจากเก็บชัยเหนือเวสต์แฮม ในรอบชิงชนะเลิศไปอย่างสุดมัน ด้วยกาารเสมอกัน 3-3 ในเวลา 120 นาที ก่อนจะเบียดเอาชนะในการดวลจุดโทษ

     จากผลงานอันน่าประทับใจของลิเวอร์พูล ในฤดูกาลที่ผ่านมา ส่งผลให้สื่อมวลชนในอังกฤษ ต่างพากันเชื่อว่า "หงส์แดง" จะขึ้นมาเป็นคู่แข่งเบียดแย่งแชมป์ลีกกับเชลซีในซีซั่น 2006-07 อีกทั้งเบนิเตซ ยังพาต้นสังกัดเอาชนะเขลซี 2-1 ในศึกคอมมูนิตี้ ชิลด์ ทว่าผลงานในพรีเมียร์ลีกของลิเวอร์พูล กลับตกต่ำลงอีกครั้ง ในปีดังกล่าว โดยเฉพาะฟอร์มนอกบ้านซึ่งออกทะเล

     ลิเวอร์พูล ได้เจ้าของใหม่ก็คือ จอร์จ ยิลเล็ตต์ กับ ทอม ฮิคส์ ซึ่งทั้งคู่มาพร้อมกับนโยบายอันใหญ่โต และโปรเจ็คยักษ์สร้างสนามใหม่ สามารถซื้อใจ "เดอะ ค็อป" ได้ทั่วโลก ส่วนผลงาน "หงส์แดง" ในยูซีแอล ยังถือว่าอยู่ในมาตรฐานสูง เมื่อทีมทะลุเข้าชิงชนะเลิศได้เป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 3 ปี โดยพบกับเอซี มิลาน คู่ปรับเก่า แต่คราวนี้ "ปิศาจแดงดำ" ถอนแค้าเอาชนะไป 2-1

     ฤดูกาล 2007/08 ราฟาเอล เบนิเตซ จัดการทุบคลังครั้งใหญ่ ทั้งการซื้อเฟร์นานโด ตอร์เรส จากแอต.มาดริด ด้วยค่าตัว 26 ล้านปอนด์ ถือเป็นสถิตินักเตะแพงที่สุดของประวัติศาสตร์สโมสร รวมไปถึง ไรอัน บาเบล, ยอสซี่ เบนายูน, ลูคัส เลว่า และ อังเดร โวโรนิน ส่วน เคร็ก เบลลามี่ ถูกขายทิ้ง หลังจากกรณีทะเลาะกับ รีเซ่ ถึงแม้ทั้งสองรายจะช่วยกันประสานงานจนพาทีมบุกชนะบาร์เซโลน่า ถึงคัมป์ นู ก็ตาม


     ลิเวอร์พูล ออกตัวในซีซั่นดังกล่าวได้อย่างยอดเยี่ยม พร้อมกับขึ้นไปรั้งจ่าฝูงได้เป็นครั้งแรกภายใต้กุนซือชาวสเปน แต่ผลงานในรอบแบ่งกลุ่มแชมเปี้ยนส์ ลีก กลับย่ำแย่ จนเกือบจะตกรอบ ทว่าเบนิเตซ ยังเก๋าพอที่จะผ่าทีมฝ่าอุปสรรคไปถึงรอบรอง แต่คราวนี้พวกเขาเสียท่าให้กับเชลซี คู่ปรับตลอดการในยุโรป

     จากนั้นมีข่าวหลายทีมสนใจให้เบนิเตซ ไปคุมทีม ไม่ว่าจะเป็นบาเยิร์น มิวนิค และเรอัล มาดริด อย่างไรก็ตาม "เอล บอส" เลือกอยู่กับทีมต่อไป ทั้งนี้ราฟา มีการเปลี่ยนแปลงสตาฟฟ์ ภายหลังที่ปาโก้ อาเยสตาราน ผู้ช่วยคู่ใจ ตัดสินใจลาออก ส่วนคนที่เข้ามาแทนก้คือ แซมมี่ ลี อดีตลูกหม้อ "หงส์แดง" ทีมจากเมอร์ซี่ย์ไซด์ จบฤดูกาลด้วยมือเปล่า ทั้งการตกรอบเอฟเอ คัพ รอบ 3 ด้วยน้ำมือของบาร์นสลี่ย์ และเสียท่าให้กับ "สิงห์บลูส์" ในยูซีแอล

     เปิดฉากฤดูกาล 2008-09 ด้วยความวุ่นวายพอสมควร ซึ่งเบนิเตซ กับ บอร์ดบริหาร มีความเห็นขัดแย้งกันในเรื่องซื้อขายนักเตะ โดยฝั่งกุนซือคนเก่ง ต้องการซื้อแกเร็ธ แบร์รี่ จากแอสตัน วิลล่า พร้อมกับจะขายชาบี อลองโซ่ เพื่อระดมทุนไปสอบห้องเครื่องทีมชาติอังกฤษ แต่ ริค แพร์รี่ ซีอีโอ "หงส์แดง" กลับหักหน้า เบนิเตซ ด้วยการไปเซ็นสัญญากับ ร็อบบี้ คีน กองหน้าจากสเปอร์ส มาหน้าตาเฉย ส่วนแบร์รี่ ก็แห้วไปตามระเบียบ


     คีน อยู่ได้ไม่นาน เพราะไม่ใช่นักเตะในแผนการทำทีมของ ราฟา จนต้องระเห็จออกจากถิ่นแอนฟิลด์ อย่างรวดเร็วในเดือนมกราคม 2009 และกลับไปอยู่กับสเปอร์ส ทีมเก่า ถึงแม้ภายในสโมสรจะเต็มไปด้วยปัญหา ทว่าผลงานของทีมเดินหน้าไปอย่างราบลื่น พร้อมกับจบรองจ่าฝูงของลีก มีคะแนนตามหลัง แมนฯ ยูไนเต็ด 2 แต้ม ก่อนที่ราฟา จะจูบปากกับเข้าของสโมสร และได้ขยายสัญญาใหม่ออกไปอีก 5 ปี

     ซีซั่น 2009-10 เบนิเตซ กับลิเวอร์พูล ยังคงยุ่งเหยิงอีกตามเคย เริ่มจากชาบี อลองโซ กองกลางตัวกลั่นย้ายทีมออกไปอยู่กับเรอัล มาดริด ด้วยค่าตัว 30 ล้านปอนด์ ส่วนคนที่เข้ามาทแนก็คือ อัลแบร์โต้ คิเอลินี่ ซึ่งย้ายมาพร้อมอาการบาดเจ็บ ขณะที่เกล็น จอห์นสัน ก็เป็นฟูลแบ็กหน้าใหม่ในสนนราคา 17 ล้านปอนด์ การตัดสินใจของ ราฟา ผิดมหันต์ เมื่อ คิเอลินี่ เจ็บออดๆแอดๆ ตลอดทั้งฤดูกาล ทำให้ "หงส์แดง" ขาดแรงขับเคลื่อนตรงกลางสนาม อีกทั้ง สตีเว่น เจอร์ราร์ด ก็ฟอร์มตก รวมถึง เฟร์นานโด ตอร์เรส ก็เจออาการบาดเจ็บรุมเร้าทั้งฤดูกาล


     ลิเวอร์พูล ตกรอบแบ่งกลุ่มแชมเปี้ยนส์ ลีก ส่วนผลงานในลีก ก็จบเพีงอันดับ 7 ไม่ได้สิทธิ์ไปเล่นยูซีแอล ส่งผลให้ "เฮียหนวด" ถูกบอร์ดบริหารปลดออกจากตำแหน่งผู้จัดการทีม พร้อมกับรับค่าชดเชยราว 6 ล้านปอนด์ อย่างไรก็ตาม การจากไปของราฟา ยังคงฝากร่องรอบแห่งความประทับใจ หลังจากเบนิเตซ เจียดเงินส่วนตัวราว 96000 ปอนด์ให้กับครอบครัวในเหตุการณ์ภัยพิบัติฮิลล์สโบโร่

เกียรติประวัติส่วนตัว

บาเลนเซีย
ลาลีกา 2 สมัย : 2001-02, 2003-04
ยูฟ่าคัพ 1 สมัย : 2003-04

ลิเวอร์พูล
ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก 1 สมัย : 2004-05
เอฟเอคัพ 1 สมัย : 2005-06
คอมมิวนิตี้ ชิลด์ 1 สมัย : 2006
ยูฟ่าซูเปอร์คัพ 1 สมัย : 2005

อินเตอร์ มิลาน
ซูเปอร์โคปป้า อิตาเลียน่า 1 สมัย : 2010
ฟีฟ่าคลับเวิลด์คัพ 1 สมัย : 2010

เชลซี
ยูฟ่า ยูโรปาลีก 1 สมัย : 2013


2014-02-04