26. ติอาโก้ อบิโอล่า เดลฟิม อ�

       ติอาโก้ อิลอรี่ มีชื่อเต็มว่า "ติอาโก้ อบิโอล่า เดลฟิม อัลเมด้า อิลอรี่" เป็นลูกครึ่งอังกฤษ-โปรตุเกส โดยพ่อของเขาเป็นชาวอังกฤษเชื้อสายไนจีเรีย และแม่เป็นชาวโปรตุเกส ชีวิตการเป็นนักเตะอาชีพของเขาเริ่มต้นที่ ทีมจังหวัด อัลการ์ฟ คือ อิมอร์ตัล เดสปอร์ติโว คลับ และต่อมาในปี 2006 เขาก็ย้ายเข้าสู่อะคาเดมี่ของสโมสร สปอร์ติ้ง ลิสบอน ในฐานะกองหน้าดาวรุ่ง

       ในปี 2007-08 อิลอรี่ ถูก ลิสบอน ปล่อยให้ เอสโตริล ยืมตัว ด้วยอายุเพียง 14 ปี เพื่อเก็บประสบการณ์ และเขาก็เปลี่ยนตำแหน่งมาเล่นเป็นกองหลังตัวกลาง ในบทบาทสต็อปเปอร์ เมื่อเขากลับมาสู่ ลิสบอน อีกครั้ง ก็กลายเป็นเทพในแดนหลังซะแล้ว จากรายงานของอะคาเดมี่สโมสร ระบุไว้ว่า อิลอรี่ สามารถทำลายสถิติของสโมสรในการวิ่ง 30 เมตร ได้เร็วที่สุดอีกด้วย และเมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2011 อิลอรี่ ลงสนามอย่างเป็นทางการเป็นนัดแรกให้กับ ลิสบอน ในเกมที่เปิดบ้านทุบ ยูดี ไลเรีย 3-1 และลงเล่นในเกมยุโรปนัดแรก ในศึกยูโรป้า ลีก รอบแบ่งกลุ่ม ที่บุกไปแพ้ ลาซิโอ 0-2 ด้วยวัย 18 ปี เท่านั้น

       สำหรับในทีมชาติโปรตุเกส อิลอรี่ ติดทีมเยาวชนแทบทุกรุ่น โดยไล่มาจากอายุต่ำกว่า 18, 19 และ 20 ปี ตามลำดับ ส่วนในอนาคตนั้น เขายังสามารถเลือกเล่นให้ทีมชาติโปรตุเกสชุดใหญ่หรือทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่ก็ได้ เพราะเขาเป็นลูกครึ่งนั่นเอง

       เมื่อวันที่ 2 กันยายน 2013 ลิเวอร์พูล ได้แถลงข่าว เซ็นสัญญากับนักเตะวัย 20 ปี รายนี้ ด้วยค่าตัว 7 ล้านปอนด์ (ราว 350 ล้านบาท) สวมเสื้อหมายเลข 26 ให้กับทัพ "หงส์แดง" เป็นที่เรียบร้อย

       จนกระทั่งวันที่ 20 มกราคม ปี 2014 สโมสร ลิเวอร์พูล ตกลงกับทาง กรานาด้า ทีมจากเวที ลาลีกา สเปน ในการปล่อยตัว ติอาโก้ อิลอรี่ ไปเสริมแกร่งในแนวรับจนจบซีซั่น ซึ่งการตัดสินใจในครั้งนี้ทำให้เจ้าตัวจะได้ลับฝีเท้ากับบรรดายอดแข้งระดับโลกไม่ว่าจะเป็น คริสเตียโน่ โรนัลโด้, ลิโอเนล เมสซี่ และคนอื่น ๆ อีกมากมายที่ยังไม่ได้กล่าวถึง

       และแล้วการประเดิมสนามบนแคว้น อันดาลูเซีย ของ อิลอรี่ ก็มาถึง ซึ่งเป็นวันที่ 7 กุมภาพันธ์ ปี 2014 ทว่าน่าเสียดายที่เกมนี้ต้นสังกัดใหม่ของเขาพลาดท่าพ่าย เอสปันญ่อล ไปด้วยสกอร์ 0-1 แต่หลังจากนั้นเจ้าตัวก็เริ่มฉายแสงเมื่อได้รับโอกาสลงสนามเป็นนัดที่ 2 ในการดวลกับ เรอัล เบติส ซึ่ง อิลอรี่ โชว์ทักษะการวางบอลยาวสุดแม่นยำไปให้กับเพื่อนร่วมทีมซัดเต็มแข้งเข้าไปตุงตาข่าย ซึ่งนั่นเป็นประตูโทนที่ทำให้ทัพ "เอล กรานา" คว้า 3 คะแนน ต่อหน้าแฟน ๆ ที่มาเชียร์ในสนาม เอสตาดิโอ นูเอโบ ลอส การ์เมเนส รังเหย้าของพวกเขาได้สำเร็จ

       เหล่า "เดอะ ค็อป" คงต้องให้เวลา อิลอรี่ ในการปรับตัวให้เข้ากับฟุตบอลอังกฤษกันสักระยะหนึ่ง แต่ดูจากรูปร่างและความเร็วที่ได้เปรียบนักเตะคนอื่นขนาดนี้ คงไม่ยากเกินความสามารถของเขาที่จะลงยืนเป็นปราการหลังตัวหลักให้กับ "หงส์แดง" ในการลุ้นแชมป์พรีเมียร์ ลีก ได้ในเร็ววันนี้

---

---